นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าสำหรับความคืบหน้าเรื่องจีเอสพี วันนี้ตนได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่ DC ประสานงานกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันและทูตแรงงานเพื่อที่จะได้นัดหมายไปหารือกับ USTR ที่วอชิงตัน.
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ขอเผยแพร่บทวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 2 (เมษายน – มิถุนายน 2562) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกด้านใน
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผอ.สนค. พร้อมด้วยคณะ เข้าเยี่ยมชมโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ของ บมจ.ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) ณ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
ผอ.สนค. เผยเบร็กซิทเป็นโอกาสในการผลักดันการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 ปี (Temporary rate of custom duties) ในกรณีการออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (No-deal Brexit)
จุดเริ่มต้นของปัญหาเกิดจากการขาดดุลการค้าของสหรัฐอเมริกาต่อจีน (ในปี 2561 สหรัฐส่งออกไปจีน 153 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากจีน 477 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐฯ ขาดดุลจีน 324 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สองฝ่ายมีการ ตอบโต้กันไปมา สลับกับการเจรจาเป็นระยะๆ
วันนี้ (18 กันยายน 2562) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน “ร่วมคิด ร่วมค้า ท้าทายเศรษฐกิจโลก: การรับฟังความคิดเห็นเพื่อพัฒนากลยุทธ์การค้าเศรษฐกิจใหม่”
18 กันยายน 2562 เวลา 08.30 – 15.30 น. ณ ห้อง Le Concorde ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทลรัชดา กรุงเทพมหานคร
ฟิลิปปินส์เป็นผู้นำเข้าอาหารสุทธิ โดยเฉพาะข้าว ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าในปี 2562 สูงถึง 2.3 ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2561
เบร็กซิต (BREXIT ย่อมาจาก British exit) หมายถึง การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรที่กำลังเกิดขึ้น โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการลงประชามติวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ซึ่งผู้ออกเสียงลงคะแนนร้อยละ 51.9 ออกเสียงสนับสนุนการถอนตัว รัฐบาลอังกฤษได้ใช้ข้อ 50 แห่งสนธิสัญญาว่าด้วยสหภาพยุโรป เป็นการเริ่มกระบวนการสองปีซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดด้วยการออกจากอียูของสหราชอาณาจักรในวันที่ 29 มีนาคม 2562 เส้นตายนั้นมีการต่อเวลาเป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2562 Brexit อาจช่วยสร้างโอกาสต่อไทยก็เป็นได้
วานนี้ (20 ส.ค. 62) นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือคณะทำงานรองรับสถานการณ์การค้า (War Room) ครั้งแรก ตามที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) เป็นประธาน ได้มอบหมายไว้ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา
ผลจากความสำเร็จในการพัฒนาประเทศของประธานาธิบดีโจโควี ส่งผลให้ปัจจุบันอินโดนีเซียมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 5.2% และรายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (Disposable Income) ที่เพิ่มขึ้นช่วยสร้างโอกาสที่แข็งแกร่งในตลาดอาหารมูลค่าเพิ่มภาคที่มีมูลค่าสูง เช่น อาหารพร้อมปรุง/พร้อมรับประทานและเครื่องดื่ม
