ในที่สุดกลุ่มแกนนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาลแห่งพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) พรรคเพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย (FDP – Freie Demokratische Partei) และพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) ก็มีมติร่วมกันเรื่องกฎหมายเครื่องทำความร้อน หลังจากที่มีข้อขัดแย้งในกฎหมายฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยตัวแทนฝั่ง FDP ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงด้วยดี และเราก็ไม่มีข้อสงสัยอะไรแล้ว” โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีข้อสรุป ดังนี้
- เงินสนับสนุนในการปรับปรุงเครื่องทำความร้อนให้ทันสมัย ซึ่งประเด็นนี้กลุ่มพรรคร่วมได้เพิ่มเนื้อหาเข้าไปว่า “ผู้ที่ได้รับเงินสนับสนุนฯ ไปแล้ว ก็ยังจะสามารถขอเงินสนับสนุนฯ ได้อีกรอบ โดยจำนวนเงินที่จะขอรับการสนับสนุนนี้จะอยู่ที่ 10% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และการจะได้รับเงินสนับสนุนก้อนนี้ เจ้าของสิ่งก่อสร้างต้องอนุญาตให้ผู้ขอสามารถรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลได้เท่านั้น” นอกจากนี้ ได้มีการระบุ “วงเงินสูงสุด” ไว้ เพื่อไม่ให้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นเกินจริง โดยหลังจากที่มีการปรับปรุงเครื่องทำความร้อนเรียบร้อยแล้ว ค่าเช่าต่อปีต้องห้ามปรับสูงขึ้นเกิน 50 เซ็นต์ ต่อ 1 ตารางเมตรของพื้นที่ที่ผู้เช่าอาศัยอยู่ สำหรับกฎหมายการปรับปรุงที่อยู่อาศัยได้อนุญาตผู้ให้เช่าสามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงที่เกิดขึ้นมาหักกับผู้เช่าได้สูงถึง 8% ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่มีการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเช่าใหม่ให้ทันสมัยขึ้น กฎหมายฉบับนี้ก็ยังจะมีผลบังคับใช้ต่อไป เพียงแต่แยกเครื่องทำความร้อนออกมาเท่านั้น โดยเงินสนับสนุนก้อนที่ 2 จะเป็นแรงจูงใจให้มีการเปลี่ยนเครื่องทำความร้อนเร็วขึ้น และในเวลาเดียวกันผู้เช่าก็จะได้รับผลประโยชน์ไปในตัวด้วย เพราะค่าเช่าไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับเงินสนับสนุนที่ได้รับ
- เงินสนับสนุนในการซื้อเครื่องใหม่ คาดการณ์กันว่ารัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนสูงถึง 70% ในการซื้อเครื่องทำความร้อนในรุ่นหรือประเภทที่เป็นมิตรกับสภาวะอากาศ โดยน่าจะเริ่มต้นที่ 30% แบบไม่ต้องคำนึงถึงรายได้ของผู้ขอรับการสนับสนุน สำหรับผู้มีรายได้น้อยน่าจะได้รับเงินสนับสนุนสูงขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกัน ยังมีการระบุไว้ถึงข้อสนับสนุนที่เรียกว่า “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เข้าไปด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งได้เร็วก็ยิ่งได้รับเงินสนับสนุนสูงถึง 70% เลยทีเดียว
- สำหรับเครื่องทำความร้อนจากแก๊ส มีข้อสรุปว่า จะไม่มีการบังคับให้ต้องเปลี่ยนเครื่องทำความร้อนที่ใช้งานอยู่ ซึ่งรวมถึงจะไม่บังคับให้ต้องมีการเปลี่ยนแผนการทำความร้อนระดับท้องถิ่น ซึ่งในอนาคตผู้ผลิตพลังงานความร้อนระดับท้องถิ่นสามารถที่จะปรับปรุงแผนไปใช้ระบบทำคามร้อนระยะไกล้และไกลรวมกันได้ อีกทั้งสามารถปรับมาให้แหล่งพลังงานที่เป็นมิตรกับสภาวะอากาศอย่าง ไฮโดรเจนต่อไปได้ในอนาคต
- การให้คำปรึกษา ตั้งแต่มกราคม 2024 เป็นต้นไป ผู้จำหน่ายเครื่องทำความร้อนจะต้องให้คำแนะนำที่มีการใช้พลังงานจากระบบทำคามร้อนระยะไกล้และไกล โดยต้องชี้แจงข้อดี – ข้อเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากเครื่องทำความร้อนรูปแบบต่าง ๆ เข้าไปในการให้คำปรึกษาด้วย
ด้านนาย Frank Schäffler สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค FDP ซึ่งเคยออกมาต่อต้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างรุนแรง ได้ออกมากล่าวชื่นชมกฎหมายฉบับนี้ว่า “ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความก้าวหน้ามาก” โดยพรรคร่วมไม่สามารถสรุปเรื่องร่างพระราชบัญญัติพลังงานในอาคาร (GEG – Gebäudeenergiegesetz) เป็นเวลาหลายเดือน โดยในร่างฉบับเก่าต้องการที่จะให้เครื่องทำความร้อนที่ติดตั้งใหม่ในปี 2024 จะต้องใช้แหล่งพลังงานที่เป็นมิตรกับสภาวะอากาศถึง 65% ซึ่งนั้นหมายความว่า จะต้องห้ามจำหน่ายเครื่องทำความร้อนจากแก๊สและน้ำมันไปโดยอัตโนมัติ ทำให้กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค FDP ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งจึงกีดกันร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวอย่างมาก จนสุดท้ายสามารถตกลงกันได้เมื่อไม่นานมานี้ โดย FDP ออกมาชี้แจงว่า “สิ่งสำคัญสำหรับเราก็คือ ไม่ต้องการให้ใครต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนเครื่องทำความร้อนทั้ง ๆ ที่ยังใช้งานได้อยู่” โดยเป็นไปได้ที่พระราชบัญญัติฯ จะผ่านรัฐสภาก่อนหยุดพักฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ซึ่งทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนหนึ่งมีเวลาหายใจ และเตรียมพร้อมที่จะปรับระบบเครื่องทำความร้อนของตนได้มากขึ้นนั้นเอง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน (Thanit Hirungitrungsri)
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)