หน้าแรกTrade insight > สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนมกราคม 2563

สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนมกราคม 2563

การเพิ่มขึ้นของหมวดอาหารสด เป็นไปตามสถานการณ์ทั้งอุปสงค์และอุปทานในประเทศ โดยราคาผักสดลดลงเนื่องจากปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาผลไม้ ไข่ และเนื้อสัตว์ เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน (ในปีนี้เร็วขึ้นและตรงกับปลายเดือนมกราคม) ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของหมวดพลังงาน เป็นไปตามสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เริ่มทรงตัวและอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน การขยายตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องและเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนในเดือนนี้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากผลของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (เพิ่มรายได้) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (เพิ่มการบริโภค) ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน (โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กุ้ง ปศุสัตว์) การขยายตัวของรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เก็บจากการบริโภคในประเทศต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีอุปโภคบริโภคภาคเอกชน รวมทั้งการกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือนของดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศ ชี้ว่าแรงขับเคลื่อนเงินเฟ้อในเดือนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านอุปสงค์ของประเทศ ซึ่งเป็นสัญญานที่ดีต่อการบริหารและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

.

อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดด้านอุปสงค์การลงทุน อาทิ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก รถยนต์เชิงพาณิชย์ รถจักรยานยนต์ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง และมูลค่าธุรกรรมอสังหาฯ ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์โรคระบาดไวรัสสายพันธุ์ใหม่น่าจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในช่วง 2 ไตรมาสแรก แต่คาดว่าปัจจัยเหล่านี้น่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นในระยะต่อไป โดยภาครัฐน่าจะสามารถลงทุนและเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ตามแผน และหากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพมากขึ้นก็น่าจะสนับสนุนให้การลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศ ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ดีอย่างต่อเนื่อง

.

 แนวโน้มปี 2563

.

สถานการณ์ด้านราคาในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สูงกว่าปีก่อน โดยอาหารสดและน้ำมันจะยังเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดเงินเฟ้อ โดยราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวในระดับนี้ตลอดทั้งปี ทำให้มีอิทธิพลเชิงบวกในช่วงไตรมาสแรกของปี และจะมีอิทธิพลเชิงลบมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่เหลือ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 2 และ 3 ในขณะที่ราคาอาหารสดน่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแนวโน้มสภาพอากาศที่กระทบต่อผลผลิต สำหรับราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่น ๆ น่าจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับปกติ และมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยตามปัจจัยด้านการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนั้น คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการช่วยเหลือ และโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ภาครัฐได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า เงินเฟ้อทั้งปีจะเคลื่อนไหวที่ร้อยละ 0.4 – 1.2

.

ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการแถลงข่าวฯ เพิ่มเติม ได้ที่ 

 http://www.tpso.moc.go.th

Login