หน้าแรกTrade insightเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า > WORLD BANK คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูเออีปี 2567 ขยายตัว 3.7%

WORLD BANK คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูเออีปี 2567 ขยายตัว 3.7%

ธนาคารโลก หรือ World Bank กล่าวในรายงาน Global Economic Prospects คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีในปี 2566 ที่ 3.4% และเพิ่มเป็น 3.7% ในปี 2567 และจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.8% ในปี 2568

ส่วนประเทศ GCC พร้อมที่จะรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความช่วยเหลือจากการผ่อนคลายโควตาการผลิตน้ำมันกลุ่ม OPEC+ การลงทุนอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในเศรษฐกิจตามเป้าหมายการกระจายเศรษฐกิจ แรงหนุนจากเศรษฐกิจภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน ทำให้คาดว่าการขยายตัวของจีดีพีประเทศกลุ่ม GCC จะมีการเติบโตที่ 3.6%    ในปี 2567 และ 3.8% ในปี 2568

การเติบโตของภาคน้ำมันลดลงใน     ปีที่แล้วสะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมภาคเอกชนที่อ่อนแอและเสริมว่าอัตราการเติบโตในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% และ 3.7% ในปี 2568

เศรษฐกิจซาอุดิอาระเบียคาดว่าจะมีการเติบโตในปีนี้ที่ 4.1% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% ปีหน้า ขณะที่คูเวตคาดว่าขยายตัวที่ 2.6% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 2.7% ในปี 2568 สำหรับเศรษฐกิจบาห์เรนคาดว่าปี 2567 ขยายตัวที่ 3.3% แต่จะหดตัวลงเล็กน้อยเหลือ 3.2 % ในปี 2568

World Bank คาดเศรษฐกิจกาตาร์ปี 2567 จะขยายตัวที่ 2.5% และเพิ่มเป็น 3.1% ในปี 2568 ขณะที่เศรษฐกิจโอมานคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.4% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% ในปี 2568

เศรษฐกิจกลุ่ม MENA

รายงานระบุอัตราการเติบโตของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ชะลอตัวลงอย่างมากเหลือ 1.9% ในปี 2566 เนื่องจากภูมิภาคต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่เอื้ออํานวยหลายประการรวมถึงการลดการผลิตน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมภาคเอกชนที่อ่อนแอในเศรษฐกิจการนําเข้าน้ำมัน World Bank  คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ MENA จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ในปี 2567 และ 2568

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก

การเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในปี 2567 โดยลดลงเหลือ 2.4% จาก 2.6% ในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2568 เป็น 2.7% แม้ว่าการเร่งตัวในช่วง 5 ปีจะยังคงเกือบ 3 ใน 4 ของเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของปี 2553

แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้เมื่อเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 แต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้นำไปสู่การโจมตีเรือสินค้าในบริเวณทะเลแดง ทำให้ค่าระวางเรือเพิ่มสูงขึ้น กดดันต้นทุนการผลิต ในขณะเดียวกันที่สงครามรัสเซียและยูเครนยังไม่ยุติ ส่งผลให้เศรษฐกิจส่วนใหญ่มีแนวโน้มเติบโตช้าในปี 2567 และ 2568 มากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา

การเติบโตในระยะสั้นจะยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ยากจนที่สุด ติดกับดัก โดยมีระดับหนี้ที่เป็นอัมพาตและการเข้าถึงอาหารที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับเกือบ 1 ใน 3 คน”

ขณะนี้ประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะเติบโตเพียง 3.9% ในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทศวรรษ   ก่อนหน้ามากกว่า 1% ภายในสิ้นปี 2567 ผู้คนประมาณ 1 ในทุก ๆ 4 ประเทศกำลังพัฒนา และประมาณ 40% ของประเทศที่มีรายได้น้อยจะยังคงยากจนกว่าที่เคยเป็นในช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในปี 2562

                   World Bank กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโลกกำลังล้มเหลวในเป้าหมายในการทำให้          ปี 2563 -2573 เป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงในการแก้ปัญหาความยากจนขั้นรุนแรง โรคติดต่อที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตามรายงานเสริมว่ามีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์หากรัฐบาลดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มการลงทุนและเสริมสร้างกรอบนโยบายการคลัง การลงทุนที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงประเทศกำลังพัฒนา และช่วยให้เร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและบรรลุวัตถุประสงค์การพัฒนาที่หลากหลาย ทั้งนี้เพื่อจุดประกายความเจริญดังกล่าว ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องปรับใช้นโยบายที่ครอบคลุมเพื่อปรับปรุงกรอบนโยบายการคลังและการเงิน ขยายการค้าข้ามพรมแดนและกระแสการเงิน และปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน

 

อ่านข่าวฉบับเต็ม : WORLD BANK คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูเออีปี 2567 ขยายตัว 3.7%

Login