เมื่อวันที่ 19-28 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองกวางโจวได้จัดกิจกรรม Thai Food Pop up Store 2023 ภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศสินค้า BCG และสินค้าสำหรับยุค Next Normal โดยเป็นโครงการใหม่ ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศจีน ที่มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารของไทย เพื่อผลักดันสินค้าอาหารไทยชนิดใหม่ และกระตุ้นปริมาณการบริโภคสินค้าอาหารไทยในตลาดจีนให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอาหาร BCG FOOD ซึ่ง“BCG”เป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่รัฐบาลประกาศใช้ มุ่งให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดย BCG มาจาก B คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) มุ่งเน้นการสร้างอุตสาหกรรมจากฐานทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน C คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) คำนึงถึงการนำทรัพยากรต่างๆ มาใช้ประโยชน์สูงสุด ลดการเกิดขยะของเสียและการนำกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และ G คือ เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) เน้นการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน BCG FOOD เป็นสินค้าอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้นวัตกรรมใหม่และเป็น Future food ที่จะเป็นแนวโน้มพัฒนาใหม่ของตลาดอาหารทั่วโลก ซึ่งสินค้าอาหาร BCG FOOD สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ของจีนที่รักสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลไทยก็ให้ความสำคัญในการพัฒนา BCG FOOD อย่างมาก
การจัดกิจกรรม Thai Food Pop up Store 2023 นี้ ได้จัดขึ้นในรูปแบบmini Thai food corner ที่ Lotus supermarket ในเมืองกว่างโจว โดยภายในงานได้จัดกิจกรรมมากมาย เช่น การแสดงรำไทยให้ผู้คนในงานได้รับชมและดึงดูดให้ผู้คนมาแวะชมสินค้าที่จัดแสดง ซึ่งระหว่างงานได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าจีนและผู้บริโภคชาวจีนที่สัญจรไปมา เดินเข้ามาแวะชมสินค้าเป็นจำนวนมาก รวมถึงการแจกตัวอย่างสินค้าให้ผู้บริโภคชาวจีนได้ลองชิม เพื่อแนะนำและทดลองสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพในการเข้าตลาดจีน อาทิ สินค้าอาหารใหม่ อาหารแนวใหม่ (future foods/novel foods) และสินค้าอาหาร BCG FOOD โดยการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก CP GROUP และ Lotus supermarket เป็นอย่างมาก ซึ่ง CP GROUP เองได้เป็นผู้ผลิตนำร่อง BCG FOOD ของประเทศไทย ซึ่งภายในงานนอกจากมีการจัดแสดง BCG FOOD ที่จำหน่ายในเครือของ Lotus supermarket แล้ว ทั้งยังมีการจัดแสดงสินค้าอาหารไทยใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเข้ามาจำหน่ายในตลาดจีนกว่า 30 ชนิด เช่นน้ำมันรวงข้าว ข้าวอินทรี สินค้า Plant base อาหารเสริม SNACK และอาหาร Ready to eat โดยสินค้าที่จัดแสดงใน THAI FOOD MUSEUM ได้นำมาให้ผู้นำเข้าสินค้าอาหาร ผู้จำหน่ายอาหาร และผู้บริโภคชาวจีนได้ลองชิมและให้ความเห็น เพื่อพัฒนาเป็นสินค้า trend ใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ ระหว่างการจัดงานมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรม Thai Food Pop up Store 2023 และสินค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ผ่าน KOL/ KOC/สื่อออนไลน์ อาทิ Little Redb00k Weibo และ Douyin ซึ่งปัจจุบันช่องทางออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมในจีนและมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการประชาสัมพันธ์สินค้าออนไลน์ผ่าน KOL หรือ เน็ตไอดอลของจีน ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคจีนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้สินค้าไทยได้เข้าตลาดจีนมากขึ้นต่อไป
ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย
เนื่องด้วยปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนส่วนใหญ่ในจีนจึงได้มีการยกระดับคุณภาพการบริโภคสูงขึ้น โดยเฉพาะการบริโภคอาหาร ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคจีนได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและเกิดเทรนด์การรับประทานแบบใหม่เกิดขึ้น ชาวจีนได้หันมาใส่ใจสุขภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้มีแนวโน้มเป็นเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมอาหารในจีน
ทั้งนี้ กิจกรรม Thai Food Pop up Store 2023 สามารถแสดงให้ผู้บริโภคในจีนได้เห็นถึงศักยภาพการพัฒนาใหม่ๆ ที่หลากหลายของอาหารไทย เพื่อตอบสนองตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ โดยผสมผสานข้อได้เปรียบด้านวัตถุดิบโดยธรรมชาติของสินค้าเกษตรเขตร้อนของไทย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคตที่หลากหลายทยอยออกสู่ตลาด ซึ่งวางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดังนั้นผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะตลาดอาหารแนวใหม่ (future foods/novel foods) และสินค้าอาหาร BCG FOOD ของจีน จะต้องศึกษาพฤติกรรมและติดตามเทรนด์การบริโภคของชาวจีน เพื่อที่จะสามารถคิดค้นนวัตกรรมอาหารใหม่ๆ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการการบริโภคของชาวจีนและสามารถขยายตลาดในจีนได้ต่อไป
จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว
25 พฤษภาคม 2566
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)