หน้าแรกTrade insightการค้าระหว่างประเทศ > OECD ปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวของ GDP ของสเปนเพิ่มขึ้นในปีนี้

OECD ปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวของ GDP ของสเปนเพิ่มขึ้นในปีนี้

OECD  ได้ปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในปี 2566 เพิ่มขึ้น (จากเดือนมีนาคมอีก 0.4%) เป็น 2.1%  และ 1.9% ในปี 2567 (เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 0.2%)

ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนที่  OECD คาดการณ์ไว้นั้นเท่ากับที่รัฐบาลสเปนเคยคาดการณ์ไว้ในครั้งที่รายงานแผนงาน “2023-2026 Stability Program” ต่อคณะกรรมาธิการยุโรป แต่จะแตกต่างกันเฉพาะตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในปีหน้าที่รัฐบาลสเปนคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4%  ขณะที่บางหน่วยงาน เช่น Independent Authority for Fiscal Responsibility (Airef) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสเปนจะขยายตัวที่ 1.9% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า

สาเหตุที่ OECD ปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในปีนี้ดีขึ้นสืบเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของสเปนดีขึ้นในแง่การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อและการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงาน  ประกอบกับอุปสงค์จากภายนอกที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้การขยายตัวของการส่งออกของสเปนดีขึ้น  และจะช่วยกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนแม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง  อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากสงครามที่ยังมีอยู่และความเข้มงวดของการใช้นโยบายการเงิน แต่การที่อัตราเงินเฟ้อของสเปนได้ชะลอตัวลงก็อาจทำให้การใช้มาตรการทางการเงินผ่อนคลายลงซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อของสเปนนั้น OECD คาดว่าจะอยู่ที่ 3.9% ในปีหน้า

ความเห็นของ สคต.

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสเปนที่ปรับตัวขึ้นจากการชะลอตัวของราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง  ประกอบกับการพึ่งพาด้านพลังงานของสเปนจากตลาดรัสเซียน้อย ทำให้เศรษฐกิจของสเปนอยู่ในสถานะที่ดีกว่าบางประเทศกลุ่มยูโรโซน เช่น เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส เป็นต้น  ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกรวมทั้งสเปนในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจากส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น  ขณะที่ในปัจจุบัน ชาวสเปนได้ให้ความสำคัญลำดับต้นกับการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าบริโภคที่จำเป็นขั้นพื้นฐานและยังชะลอการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไปท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น

——————————

Cinco Días

ข่าวเด่นประจำสัปดาห์จาก สคต.มาดริด ระหว่างวันที่  5-11 มิถุนายน 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login