หน้าแรกTrade insight > Mars ขยายลงทุนในออสเตรีย ลุยเทรนด์รักษ์สุขภาพ และรักษ์โลก

Mars ขยายลงทุนในออสเตรีย ลุยเทรนด์รักษ์สุขภาพ และรักษ์โลก

นาย Kim Smet ซีอีโอของบริษัท Mars ประกาศแผนการลงทุนเพิ่มในออสเตรียมูลค่า 90 ล้านยูโร เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Bruck an der Leitha ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจของ Mars ในตลาดออสเตรีย หลังจากที่ไม่นานมานี้ข้อขัดแย้งกับบริษัทผู้ค้าปลีกรายใหญ่อย่าง REWE ซึ่งเป็นเหตุให้มีการถอดสินค้าหลายรายการออกจากชั้นวาง อย่างไรก็ดี ได้มีการกลับมาวางจำหน่ายสินค้าเหล่านั้นเช่นเดิมแล้ว ปัจจุบันบริษัท Mars จัดจำหน่ายสินค้าหลากหลายรายการ อาทิ ขนมหวานตรา  Mars Twix M&Ms Snickers และ Balisto ไปจนถึงหมากฝรั่งตรา Orbit และ Airwaves และผลิตภัณฑ์ข้าวตรา Ben’s Original นอกจากนี้ ยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และของใช้สำหรับสัตว์ตรา Whiskas Pedigree Sheba Kitekat Cesar และ Catsan ด้วย

 

เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในยุโรป Mars มองว่าตลาดออสเตรียยังมีโอกาสที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์ M&Ms และท่ามกลางการเติบโตของเทรนด์รักษ์สุขภาพ โดยเฉพาะการลดการรับประทานน้ำตาล Mars กลับมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดขนมรสหวาน โดยเฉพาะช็อกโกแลต จึงได้พัฒนาสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ “Be Kind” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2566 ผลิตภัณฑ์ของ Mars จากโรงงานในยุโรปยังบรรลุเป้าหมายรักษ์โลกโดยการใช้โกโก้ที่ได้รับการรับรองว่ามาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงให้ครบทั่วโลกภายในปี 2568 เช่นเดียวกับอาหารสัตว์เลี้ยงตรา Sheba ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์บรรลุเป้าหมายการใช้ปลาที่ได้จากการทำประมงที่ยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา

 

ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นสำนักงานฯ

บริษัท Mars ดำเนินธุรกิจในประเทศออสเตรียมาเป็นเวลากว่า 60 ปี ปัจจุบันมีสินค้าอยู่ในมือหลากหลายรายการและครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง กลายเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารที่ทรงอิทธิพลต่อตลาดรายหนึ่ง การลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ตอกย้ำโอกาสและความสำคัญของตลาดขนมหวานในประเทศออสเตรียต่อเนื่องไปในอนาคต อย่างไรก็ดี ต้องปรับปรุงสินค้าให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการของตลาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเทรนด์ด้านสุขภาพ และด้านความยั่งยืน

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา

ตุลาคม 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login