หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > 7 เทรนด์ จากงานแสดงสินค้า Eurobike 2023

7 เทรนด์ จากงานแสดงสินค้า Eurobike 2023

งานแสดงสินค้า Eurobike 2023 ที่ได้จัดขึ้นในนครแฟรงก์เฟิร์ต ระหว่างวันที่ 21 – 25 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ได้แสดงให้ถึงอนาคตของโลกของจักรยานและแนวโน้มการพัฒนาของอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยแนวทางที่ชัดเจนมากที่สุดก็คือ การเติบโตของอุตสาหกรรม E-Bike ที่ได้พัฒนาไปในทิศทางหลากหลาย อาทิ E-Bike ทีมีความหรูหราสวยงาม สะดวกสบายในการใช้งาน หรือ E-Bike ที่ทำจากวัสดุที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาจักรยานให้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น ดังที่เห็นได้จากการพัฒนาจักรยานเด็ก และจักรยานขนส่งสินค้าอเนกประสงค์ที่ปรับตัวให้เข้าวิถีชีวิตของผู้ใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงแนวโน้ม Deglobalization ของห่วงโซ่อุปทาน ที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น จากการที่ผู้ผลิตพยายามพึ่งพาวัสดุที่อยู่ในท้องถิ่นมากขึ้น หลังจากภาวะโรคระบาด Covid-19 ที่ทำให้ระบบการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่ได้กระจายตัวอยู่ทั่วโลกมีความปั่นป่วนจนทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และต่อไปนี้จะได้นำเสนอ 7 เทรนด์สำคัญจากงานแสดงสินค้า Eurobike 2023

1. E-Bike มีความสะดวกสบายมากขึ้น

ผู้ผลิตจักรยานสัญชาติสวิสและผู้บุกเบิกตลาด E-Bike อย่าง Flyer ได้เปิดตัวจักรยานไฟฟ้ารุ่นใหม่  Goroc TR:X โดยใช้สโลแกน “รถ SUV แห่งโลกจักรยานไฟฟ้า” โดยสื่อความหมายว่า การขับขี่รถจักรยานไฟฟ้า Flyer เปรียบเสมือนการขับรถ SUV ในโลกแห่งรถยนต์ที่มีความหรูหรา สะดวกสบายพร้อมทั้งสามารถขับขี่ได้ในหลากหลายพื้นผิว สำหรับ Flyer Goroc TR:X คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในยุโรปในเดือนกันยายน 2023 ราคาเริ่มต้นประมาณ 8,000 ยูโร (310,000 บาท)

                                                                                                  Flyer Goroc TR:X

2. จักรยานบรรทุกสินค้าอเนกประสงค์ (Cargo Bike) มีความคล่องตัวมากขึ้น

จักรยานบรรทุกสินค้าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายปี แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียใหญ่ของจักรยานฯ คือขนาดที่ใหญ่โตและเทอะทะ บางคนหยุดซื้อเพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอในห้องใต้ดิน ที่ Eurobike 2023 ผู้เข้าร่วมงานสามารถเห็นบริษัทมากมายที่พยายามแก้ไขปัญหานี้ – และสร้างจักรยานที่ใหญ่พอที่จะขนส่งกล่องและเด็กได้ แต่ยังเล็กพอที่จะหาที่ล็อคที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา

หนึ่งในบริษัทเหล่านี้คือ Ca Go จาก Koblenz ซึ่ง “จักรยานบรรทุกสินค้าเอนกประสงค์” ยังมีที่ว่างสำหรับใส่ลังน้ำระหว่างกะโหลกและซุ้มล้อหน้า และด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้รถมีเสถียรภาพมาก โดยมีราคาขายอยู่ที่ 5,990 ยูโร หรือ 230,000 บาท

                                                                                                         CA GO Lastenrad 

3. โลกของการปั่นจักรยานเป็นมิตรกับเด็กมากขึ้น

การหาจักรยานเด็กดี ๆ สักคันเป็นงานที่ยากมากที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นพ่อแม่ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ หลายบริษัทกำลังก้าวเข้ามาเพื่อทำให้ง่ายขึ้นเล็กน้อยสำหรับเหล่าพ่อแม่ Supurb บริษัทสัญชาติเยอรมันสร้างจักรยานเสือภูเขาสุดเจ๋งสำหรับเจ้าตัวน้อย พร้อมกับระบบเกียร์ Universal Transmissions และตอนนี้อดีตนักแข่งจักรยานระดับโลกบางคนก็ยังหันมาสนใจธุรกิจจักรยานสำหรับเด็กและวัยรุ่นด้วยเช่นกัน

4. จักรยานไฟฟ้ามีความสวยงามมากขึ้น

Joaquin Cortes ผู้บริหารชาวสเปนของ Desiknio บริษัทสัญชาติเยอรมัน ผู้ผลิต e-bike เห็นว่าตัวเองกำลังปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ เขากล่าวว่า: “ชาวเยอรมันมีรถยนต์ที่สวยงาม ตอนนี้พวกเขาต้องการจักรยานทีสวยงามเหนือสิ่งอื่นใด” นาย Cortes เห็นว่ารับความต้องการนี้เป็นคำสั่ง และเขากำลังพยายามทำมัน เพื่อให้ชาวเยอรมันได้สิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง

โดยทั่วไปแล้ว การสร้างจักรยานไฟฟ้าให้มีความสวยงามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย – เนื่องจากจักรยานไฟฟ้าทั่วไปนั้น มีแบตเตอรี่ใหญ่ทำให้ต้องมีท่อและเฟรมขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตจากเมือง Berlin อย่าง Schindelhauer กลับได้นำเสนอ จักรยานไฟฟ้า Arthur ซึ่งมีรูปร่างแทบไม่ต่างจักรยานทั่วไปสักเท่าไหร่ ในทางกลับกัน Joaquin Cortes จาก Desiknio ได้นำสนอ จักรยานไฟฟ้า Flagship ของเขาเป็นครั้งแรกที่ Eurobike ซึ่งก็คือ X20 Pinion – พร้อมสายพานขับเคลื่อน, กระปุกเกียร์กลาง, สายเคเบิลภายในและรูปลักษณ์ที่บางมาก ในราคาเริ่มต้นที่ 5,895 ยูโร หรือประมาน 220,000 บาท

                                            Schindelhauer Arthur – Single-Speed E-Bike

5. โลกของจักรยานกำลังทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากเอเชียมากขึ้น

ปี 2016 กลุ่มเพื่อนห้าคนมารวมตัวกันที่ Westerwald เพื่อที่สร้างจักรยานที่ดี พวกเขาระดมทุนเริ่มต้นสำหรับบริษัทของพวกเขา ผ่าน Crowdfunding โดยในปัจจุบัน บริษัท Muli ที่ตั้งขึ้นจากคน 5 คน มีพนักงาน 50 คน ตั้งอยู่ที่เมืองโคโลญจน์ และมีเป้าหมายเดียวคือการสร้างจักรยานที่มีส่วนประกอบหรือห่วงโซ่อุปทานที่มากจากเยอรมนีหรือยุโรป แทนที่จะมาจากเอเชียเป็นหลัก

จากผลพวงของห่วงโซ่อุปทานที่ฉีกขาดและการหยุดการผลิตในช่วงการระบาดของโคโรนา ทำให้หลายบริษัทพยายามนำการผลิตกลับมายังยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่โปรตุเกสเป็นผู้ผลิตเฟรมจักรยานรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม แทบจะไม่มีใครเดินตามเส้นทางการแยกตัวออกจากเอเชียได้เสมอเหมือน Muli “นั่นคือเส้นทางที่เราทุกคนต้องการไป” Felix Schön ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกล่าว และเขาค่อนข้างภูมิใจที่ “ส่วนประกอบจักรยานบรรทุกสินค้าอเนกประสงค์ของพวกเขา 50 % – 66 % มาจากท้องถิ่น และด้วยตะกร้าที่พับได้และการออกแบบที่กะทัดรัด จักรยานยังพอดีกับห้องใต้ดินของอะพาร์ตเมนต์  ในเมือง พร้อมทั้งสามารถทำราคาที่ยังพอจะแข่งขันกับจักรยานที่มีการผลิตจากห่วงโซ่อุปทานระดับโลกได้ 

6. โลกของจักรยานมีความยั่งยืนมากขึ้น

Christoph Fraundorfer สร้างจักรยานจากไม้ ในปี 2014 เขาได้ก่อตั้งแบรนด์ “My Esel” ในออสเตรีย และได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โครงทำจากไม้ในท้องถิ่นทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นไม้แอช ซึ่งผลิตในออสเตรียเช่นกัน

ล้อมีความโดดเด่นเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอก และนาย Fraundorfer ยังเห็นว่าไม้เป็นวัสดุโครงที่เหมาะสมที่สุดในแง่อื่นๆ ด้วย: “มันดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าเหล็ก” เขากล่าว – และต้องขอบคุณสีพิเศษที่ทำให้ล้อนี้ทนทานอย่างยิ่ง Racing Bicycle ของแบรนด์ My Esel ที่เรียกว่า “Rennesel” มีน้ำหนัก 8.6 กิโลกรัม ส่วน E-Touring Bicycle มีน้ำหนักอยู่ที่ 19.5 กิโลกรัม (ราคา: ประมาณ 3,500 ยูโร หรือ 135,000 บาท)

ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายอื่นกำลังให้ความสำคัญกับการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น Schwalbe กำลังนำเสนอยางล้อที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล เช่น “Green Marathon” ที่ผลิตจากยางล้อเก่าใช้แล้ว (ราคา 30.90 ยูโร หรือ 1,200 บาท)

                                         จักรยาน My Esel ที่มีเฟรมที่ทำจากไม้แอช

7. สิ่งต่างๆ เริ่มจะยากขึ้นสำหรับเหล่าหัวขโมย

บริษัท ABUS ฉลาดพอที่จะไม่อ้างว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาไม่สามารถตัดได้และไม่แตกหัก เพราะในที่สุด โจรที่มีประสบการณ์จะสามารถตัดล็อคใหม่นี้ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทอ้างการตัดหรือทำลายล็อคจะต้องใช้ประสบการณ์และเวลามากขึ้น นอกจากนี้ ตัวล็อค “Granit Super Extreme 2500” ใหม่ไม่เพียงแต่มีชื่อที่น่าประทับใจ แต่ยังมีปลอกทำจากทังสเตนคาร์ไบด์ด้วย

โดยทั่วไปแล้ว วิธีที่หัวขโมยใช้บ่อยที่สุดคือการกระแทกอย่างรวดเร็วและรุนแรง ตรงบริเวณแม่กุญแจและจะสามารถทำลายล็อคส่วนใหญ่ได้ภายในหนึ่งนาที ตัวล็อคใหม่นี้จะสร้างความยากลำบากให้พวกหัวขโมยแน่นอน เพราะตัวล็อคจะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการตัดและกระแทก ทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาบางเพียง 2.2 กิโลกรัม และจะมีราคาวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ที่ 299.95 ยูโร (11,600 บาท) ซึ่งอาจจะเป็นราคาที่สูงแต่มันอาจจะการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้จักรยานคุณภาพสูง

ตัวล็อคแบบใหม่ควรจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน: ตัวเครื่องควรมีภูมิคุ้มกันไม่มากก็น้อยต่อเครื่องบดที่ถูกตัดออก แต่ก็ยังมีน้ำหนักที่น่าประทับใจถึง 2.2 กิโลกรัม และจะมีราคา 299.95 ยูโรเมื่อวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นมันจึงคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับจักรยานยนต์คุณภาพสูง

                                                               ABUS Granit Super Extreme 2500

www.RND.de

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login