บริษัท NTT East Japan ได้ริเริ่มการรวมตัวกันระหว่างบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน “Sleep Tech” หรือการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ หวังช่วยแก้ปัญหาการนอนหลับไม่เ
นอกจากนั้น หลายบริษัทก็ใส่ใจในสุขภาพของพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น บริษัท Rohto Pharmaceutical ได้ใช้โปรแกรมของบริษัท Start Up ชื่อNeuro Space ตรวจสอบสถานะการนอนหลับของพนักงานราว 1,700 คน และจัดโปรแกรมแก้ไขปัญหาการนอนหลับให้กับพนักงานที่แจ้งความประสงค์ ซึ่งพบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนอนหลับได้สบายขึ้น และกว่า 60%ตอบว่าประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ปัจจุบันมีบริษัทที่ใช้โปรแกรมของ Neuro Space เพื่อตรวจสอบการนอนหลับของพนักงานมากถึง 150 บริษัท
พียงพอของสังคมญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันพบว่าญี่ปุ่นมีเวลานอนเฉลี่ยต่ำที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศสมาชิก OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 38 ประเทศทั่วโลก) ซึ่งผลกระทบจากการนอนหลับไม่เพียงพอคาดว่าจะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 18 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท
การรวมตัวกันระหว่างบริษัทในต่างอุตสาหกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 มีชื่อว่ากลุ่ม “ZAKONE” (ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการนอนหลับรวมกันแบบสบายๆ) เริ่มต้นมีบริษัทเข้าร่วม 14 บริษัท แต่เพิ่มเป็นกว่า 140 บริษัท ในเวลาไม่ถึง 2 ปี การเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มีโครงการเกี่ยวเนื่องเพื่อพัฒนาไปสู่การสร้างตลาดใหม่ ตัวอย่างเช่น บริษัท Haseko Corporation ได้ปรับปรุง อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองการทำอุปกรณ์ช่วยให้หลับสบายขึ้นโดยร่วมมือกับบริษัท NTT East Japan และ Brain Sleep ที่มีข้อมูลวิเคราะห์ว่าสภาพแวดล้อมอย่างไรที่ทำให้หลับสบายที่สุด โดยให้พนักงานบริษัททดลองเข้าอยู่จริงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
อีกนวัตกรรมหนึ่งก็คือ กล่อง “Giraff Nap” ที่สามารถงีบหลับในท่ายืนได้ ซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทก่อสร้างหลายแห่งที่ต้องการจัดหาให้พนักงานก่อสร้าง เพราะนอกจากช่วยแก้ไขปัญหาการนอนหลับแล้ว ยังช่วยเรื่องการบรรเทาอาการปวดเอวและหลังได้อีกด้วย
บทวิเคราะห์ (ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย)
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเวลานอนหลับโดยเฉลี่ยต่ำที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิก OECD และมีข้อมูลที่ระบุว่าการขาดการนอนหลับทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 18 ล้านล้านเยน (เทียบเท่ากับ 4.2 ล้านล้านบาท) เมื่อข้อมูลที่เป็นกลางเหล่านี้ถูกเปิดเผย ทำให้การขาดการนอนหลับของคนญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญหาสังคมที่ต้องแก้ไข ในช่วงการระบาดของโควิด-19 แอปพลิเคชั่นการนอนหลับสำหรับบุคคลทั่วไปเริ่มเป็นที่นิยม แต่จากการรวมตัวของกลุ่ม ZAKONE ที่นำโดย NTT East Japan แสดงให้เห็นว่าบริษัทเอกชนมองการแก้ไขปัญหาการขาดการนอนหลับเป็นโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ และกำลังพยายามนำนวัตกรรมมาใช้ในโครงการใหม่ๆ ที่ต่อเนื่อง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับและโปรแกรมปรับปรุงการนอนหลับในฐานะสวัสดิการของบริษัทต่างๆ เป็นตัวอย่างของการขยายตลาด B to B ที่มีลักษณะเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น กล่องที่สามารถงีบหลับในท่ายืนได้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่หลากหลายของบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.
ปัญหาการนอนไม่พอเป็นปัญหาที่สังคมญี่ปุ่นทั้งหมดต้องเผชิญ และผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายคือประชาชนชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ตลาดการนอนหลับยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่มีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวในหลายด้านในอนาคต สำหรับผู้ประกอบการไทย เทรนด์การนอนหลับสามารถนำมาใช้เป็นกลยุทธ์การตลาดใหม่ และอาจกลายเป็นหัวข้อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น สปา อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เครื่องนอน อาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการไอที ก็สามารถนำไปปรับให้เข้ากับความต้องการของตลาดญี่ปุ่นได้เช่นกัน
อ่านข่าวฉบับเต็ม : 140 บริษัทต่างอุตสาหรรมร่วมสร้างนวัตกรรมด้าน Sleep Tech