หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > แคนาดา-ญี่ปุ่น: ความร่วมมือด้านพลังงานและแร่สำคัญท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนแปลง

แคนาดา-ญี่ปุ่น: ความร่วมมือด้านพลังงานและแร่สำคัญท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนแปลง

         ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้นและเกิดความไม่แน่นอนในตลาดพลังงานโลก ญี่ปุ่นได้แสดงความต้องการอย่างชัดเจนในการขยายความร่วมมือกับประเทศแคนาดา โดยมุ่งหวังเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่ยั่งยืนสำหรับทรัพยากรสำคัญ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และแร่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในยุคยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ มีสัญญาณความร่วมมือที่เด่นชัดตั้งแต่การประกาศท่าทีอย่างเป็นทางการของ Mr. Toshihiro Kitamura กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งระบุว่าแคนาดาเป็นหนึ่งในพันธมิตรด้านพลังงานที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อญี่ปุ่นต้องลดการพึ่งพารัสเซียลงอย่างต่อเนื่องหลังการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรพลังงานต่อรัสเซีย

           ความต้องการ LNG จากแคนาดาของญี่ปุ่นจึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีโครงการ LNG Canada ในเมือง Kitimat รัฐบริติชโคลัมเบียเป็นแกนกลางของความร่วมมือนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มส่งออก LNG ล็อตแรกสู่ภูมิภาคเอเชียในเดือนมิถุนายน 2568 และเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัทข้ามชาติหลายประเทศ รวมถึง Mitsubishi Corporation ของญี่ปุ่นซึ่งถือหุ้นร้อยละ 15 ในโครงการ ความสำคัญของโครงการนี้ไม่เพียงอยู่ที่การเป็นแหล่งจัดหาพลังงานใหม่แก่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดพลิกเกมที่ช่วยลดระยะเวลาขนส่งพลังงานจากชายฝั่งตะวันตกของแคนาดาไปยังญี่ปุ่นให้น้อยลงเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานในตะวันออกกลางหรือสหรัฐอเมริกา Mitsubishi เองยังแสดงท่าทีพร้อมร่วมเจรจาเกี่ยวกับการขยายระยะที่สองของโครงการ ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต LNG ให้สูงขึ้น รองรับความต้องการของตลาดเอเชียในระยะยาว

             นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังแสดงความสนใจอย่างมากต่อแร่สำคัญ (Critical Minerals)  ของแคนาดา เช่น แร่กราไฟต์และลิเธียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถไฟฟ้า ซึ่งแคนาดามีทรัพยากรเหล่านี้ในปริมาณมาก ได้เปิดตัวโครงการลงทุนครั้งใหญ่ภายใต้กรอบ G7 ภายใต้ชื่อ Critical Minerals Production Alliance ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 6.4 พันล้านเหรียญแคนาดา (1.53 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ แคนาดาได้ประกาศสนับสนุนโครงการเหมืองและโรงงานแปรรูปแร่สำคัญถึง 26 โครงการในกลุ่มประเทศพันธมิตร รวมถึงญี่ปุ่น ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน
ห่วงโซ่ของกราไฟต์ที่ใช้ผลิตขั้วแอโนดในแบตเตอรี่ โดยบริษัทในควิเบก เช่น Nouveau Monde Graphite ได้ทำสัญญาซื้อขายในระยะยาวกับทั้งรัฐบาลแคนาดาและบริษัทญี่ปุ่นเพื่อจัดหาวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่

         นอกจากพลังงาน LNG และแร่สำคัญแล้ว พลังงานนิวเคลียร์รูปแบบใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ญี่ปุ่นและแคนาดาให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกที่พัฒนาแผนงานด้าน SMR โดยมุ่งหวังนำไปใช้ทั้งในระดับประเทศและในประเทศที่สาม ซึ่งญี่ปุ่นซึ่งมีเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์อยู่แล้ว โดยมีบริษัท Hitachi เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยี ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในโครงการนี้ การพัฒนา SMR ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในคำตอบของอนาคตพลังงานสะอาด เนื่องจากโรงงานมีขนาดเล็กกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ใช้เวลาสร้างน้อยกว่า และอาจปรับขนาดการผลิตได้ตามความต้องการของพื้นที่ที่ใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับต้นทุนการพัฒนา ความปลอดภัย และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการรองรับเทคโนโลยีนี้ในอนาคต

         ความร่วมมือที่ขยายตัวระหว่างทั้งสองประเทศสะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรี Mark Carney ของแคนาดา ซึ่งระบุว่าแคนาดากำลังก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจ (superpower) ด้านพลังงาน และต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแบบใหม่ในเอเชียเพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มปกป้องผลประโยชน์ตนเองมากขึ้น Carney ระบุว่าแคนาเดามีแหล่งสำรองน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีทรัพยากร LNG มากเป็นอันดับ 4 ซึ่งเป็นศักยภาพที่สามารถนำไปเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศคู่ค้าในเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น นอกจากนี้ ปัจจุบันแคนาดายังเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกก๊าซโพรเพน (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว-LPG) รายใหญ่ของญี่ปุ่น โดยเป็นซัพพลายเออร์อันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอกย้ำบทบาทของแคนาดาในฐานะแหล่งพลังงานที่มีความมั่นคง

               แม้ว่าความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็มีความท้าทายและคำวิจารณ์บางส่วน เช่น รายงานจาก IEEFA ซึ่งระบุว่าความต้องการ LNG ภายในประเทศของญี่ปุ่นอาจไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากนักเนื่องจากอัตราการใช้พลังงานภายในประเทศลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โดยญี่ปุ่นอาจนำเข้า LNG จากแคนาดามากขึ้น แต่บางส่วนอาจถูกนำไปขายต่อให้ประเทศอื่นในเอเชียแทน ซึ่งอาจทำให้ความร่วมมือนี้ไม่ได้มีผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของญี่ปุ่นเท่าที่คาดหวัง ในทำนองเดียวกัน การลงทุนในเทคโนโลยี SMR ยังมีประเด็นด้านต้นทุนและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและต้องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานในแคนาดาให้รองรับนวัตกรรมนี้อย่างเต็มรูปแบบ

 

ความคิดเห็น สคต. 

           ความร่วมมือด้านพลังงานและแร่สำคัญของญี่ปุ่นและแคนาดาได้ส่งสัญญาณที่มีความหมายมากกว่าการแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ หากแต่เป็นการสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนของตลาดพลังงาน  ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับแคนาดากำลังกำหนดทิศทางใหม่ของห่วงโซ่อุปทานพลังงานโลก อย่างไรก็ตามความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ความสำเร็จของความร่วมมือนี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของทั้งสองฝ่ายในการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงาน ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหากทำได้สำเร็จความสัมพันธ์นี้อาจกลายเป็นต้นแบบของความร่วมมือด้านพลังงานระดับนานาชาติในอนาคต

            ไทยอาจเสริมบทบาทในห่วงโซ่อุปทานพลังงานและเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยพิจารณากระจายแหล่งนำเข้า LNG และ LPG จากแคนาดาเพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (อาทิ ความเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลางและการขนส่งสินค้าพลังงานมาไทย) ควบคู่กับการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่กับแร่แห่งอนาคต อาทิ ลิเธียมและกราไฟต์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่และรถไฟฟ้าในประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือวิจัยและมาตรฐานด้าน SMR กับญี่ปุ่น–แคนาดาเพื่อเตรียมความพร้อมต่อเทคโนโลยีพลังงานรุ่นใหม่ พร้อมดึงดูดการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นและแคนาดาเข้าสู่ EEC ให้มากขึ้น

               โปรดติดตามความเคลื่อนไหวในการค้าระหว่างประเทศผ่าน ช่องทางต่างๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th และ www.thaitrade.com หรือโทรปรึกษาเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169 (หากโทรจากต่างประเทศ โปรดติดต่อที่ โทร. +66 2792 6900)

*****************************************

อ่านข่าวฉบับเต็ม : แคนาดา-ญี่ปุ่น: ความร่วมมือด้านพลังงานและแร่สำคัญท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนแปลง

Login

ปิดโหมดสีเทา