หน้าแรกTrade insightเครื่องดื่ม > เม็กซิโกจัดระเบียบธุรกิจ E-Commerce เก็บภาษีสินค้านำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

เม็กซิโกจัดระเบียบธุรกิจ E-Commerce เก็บภาษีสินค้านำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

กรมสรรพากรเม็กซิโก (The Tax Administration Service: SAT) ออกมาตรการจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ลดการหลบเลี่ยงภาษีและการลักลอบนำเข้าสินค้า คาดกระทบแพลตฟอร์มชื่อดังจากเอเชีย

มาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลเม็กซิโกในการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่มีการซื้อ – ขาย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และนำเข้ามายังเม็กซิโกผ่านบริษัทจัดส่งพัสดุ โดยตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป สินค้าดังกล่าวจะต้องเสียภาษี ดังนี้

  • กรณีสินค้ามาจากประเทศที่มีข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ และมีมูลค่าเกิน 50 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องชำระภาษีในอัตรา 19%
  • กรณีสินค้ามาจากประเทศที่อยู่ภายใต้ความตกลง USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) และมีมูลค่าระหว่าง 50 ถึง 117 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องชำระภาษีในอัตรา 17% และ หากมูลค่าเกิน 117 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องชำระในอัตรา 19%
  • กรณีสินค้ามาจากประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ จะต้องชำระภาษีในอัตราเดียวที่ 19%

ผลกระทบต่อธุรกิจและแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังที่เป็นที่นิยมในเม็กซิโก เช่น SHEIN, Temu, Amazon และ Aliexpress ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามระเบียบใหม่ดังกล่าว โดยการปรับปรุงมาตรการด้านการจัดเก็บภาษีในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ในเม็กซิโก พร้อมทั้งลดการหลีกเลี่ยงภาษีของสินค้าที่มีการซื้อ – ขาย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยเฉพาะจากฝั่งเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเหล่านี้สามารถดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายการจัดเก็บภาษีของเม็กซิโก

กฎระเบียบใหม่กำหนดให้บริษัทแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจในเม็กซิโก ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น SHEIN, Temu, Amazon และ Aliexpress ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเพิ่มเติม ได้แก่ การลงทะเบียนในระบบผู้เสียภาษี (Federal Taxpayer Registry : RFC) เพื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 16% สำหรับการซื้อสินค้าที่มีรายได้ที่ถูกโอนเข้าบัญชีต่างประเทศ และต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าสำหรับทุกรายการซื้อ

ความท้าทายต่อบริษัท E-commerce มาตรการดังกล่าว นอกจากจะส่งผลให้ต้นทุนการซื้อสินค้าจากต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากต้องเสียภาษีนำเข้าแล้ว ยังอาจทำให้การจัดส่งสินค้าล่าช้า เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบทางศุลกากรที่เข้มงวดมากขึ้นโดยเฉพาะสินค้าจากเอเชีย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเม็กซิโกหวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยยกระดับความโปร่งใสทางภาษีและลดช่องว่างทางกฎหมายที่เคยเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าภายใต้กรอบภาษีใหม่นี้ อาจส่งผลให้บริษัทแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การหันไปเลือกสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศ หรือ หา Suppliers ในประเทศที่มีข้อตกลงฯ กับเม็กซิโกอยู่แล้ว เนื่องจากการเพิ่มภาษีนำเข้าจะส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้าปลายทาง ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น บริษัทต่างชาติชื่อดัง เช่น SHEIN และ Temu ที่มีจุดแข็งด้านราคาสินค้า จะต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

 

แนวโน้มการซื้อขายออนไลน์ในเม็กซิโก จากข้อมูลในปี 2023 ชาวเม็กซิโกมีการซื้อขายออนไลน์มากถึง 65.9 ล้านคน และมีมูลค่าการซื้อขายออนไลน์อยู่ที่ 32,915 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.6% เมื่อเทียบกับปี 2022 หมวดหมู่สินค้าที่มียอดขายออนไลน์เติบโตสูงสุด ได้แก่ สินค้าด้านแฟชั่น เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและดูแลร่างกาย ในด้านพฤติกรรมของผู้ซื้อออนไลน์ พบว่ามี 87% ของผู้บริโภคทั้งหมด ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าบนเว็บไซต์และการตรวจสอบรีวิวสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงการได้รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์หรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ

 

ข้อสังเกต จะเห็นได้ว่ารัฐบาลเม็กซิโกเริ่มประกาศใช้มาตรการทางภาษีสำหรับสินค้านำเข้าเพิ่มมากขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยหลักมาจากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ภายหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนโยบายเพิ่มภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัมป์เคยกล่าวหาว่าเม็กซิโกปล่อยให้จีนใช้เป็นช่องทางในการส่งสินค้าจีนเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลเม็กซิโกได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และได้ประกาศใช้มาตรการทางภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่เข้มงวดมากขึ้นโดยมุ่งเน้นการใช้มาตรการกับประเทศที่ไม่มีความตกลงทางการค้ากับเม็กซิโกเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว “Operation Cleanup” ซึ่งเป็นปฏิบัติการกวาดล้างสินค้าที่นำเข้ามาแบบผิดกฎหมาย โดยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 เป็นต้นมา ได้ตรวจสอบและอายัดสินค้าผิดกฎหมายที่มีแหล่งที่มาจากประเทศในเอเชีย มูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านเปโซ มาตรการเหล่านี้เป็นความพยายามของเม็กซิโกที่ต้องการแสดงให้สหรัฐฯ เห็นถึงตั้งใจในการป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่าสินค้าเหล่านี้บางส่วนจะถูกส่งต่อเข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

สำหรับไทยอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการทางภาษีนำเข้าที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากเม็กซิโกประกาศใช้มาตรการกับทุกประเทศที่ไม่มีข้อตกลงทางการค้ากับเม็กซิโก ดังนั้น สินค้าไทยจะต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพสูงหรือมีความโดดเด่นเฉพาะตัว เช่น อาหาร สินค้าเกษตรแปรรูป ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เครื่องประดับ เป็นต้นนอกจากนี้ ในระยะยาวการเจรจาข้อตกลงการค้าจะเป็นแต้มต่อสำคัญให้สินค้าไทยสามารถขยายตลาดในเม็กซิโกได้มากขึ้น เนื่องจากข้อตกลงทางการค้าจะสามารถช่วยลดอุปสรรคทั้งด้านภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีต่างๆ รวมทั้งยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทั้งด้านการค้า การลงทุน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเม็กซิโกในการเป็นประตูสู่ตลาดในภูมิภาคอเมริกาได้

——————————————————————

ที่มา

  • Ministry of Finance

https://www.gob.mx/sat/prensa/sat-emite-la-resolucion-miscelanea-fiscal-y-reglas-generales-de-comercio-exterior-para-2025-075-2024

  • Offical Gazzete

https://dof.gob.mx/nota_detalle.php?codigo=5746326&fecha=30/12/2024

https://dof.gob.mx/nota_detalle.php?codigo=5746685&fecha=06/01/2025

https://dof.gob.mx/nota_detalle.php?codigo=5746745&fecha=07/01/2025

  • Mexican Online Sales Association (AMVO)

https://info.amvo.org.mx/estudiodeventaonline2024

อ่านข่าวฉบับเต็ม : เม็กซิโกจัดระเบียบธุรกิจ E-Commerce เก็บภาษีสินค้านำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

Login