เทลอาวีฟตกลงมาอยู่อันดับที่ 10 ในการจัดอันดับ ecosystem สำหรับสตาร์ทอัพ
จากรายงานล่าสุดของ StartupBlink อันดับของเทลอาวีฟยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในการจัดอันดับโลกของระบบนิเวศ (the global ranking of startup city ecosystems) และขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 10 โดยรวมตามรายงานระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ ในปี 2023 ในขณะที่ประเทศห้าอันดับแรกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยอิสราเอลยังคงครองตำแหน่งอันดับสามไว้ได้ แต่เทลอาวีฟก็ยังอยู่แต่ลดอันดับลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019
เทลอาวีฟและเยรูซาเล็มสองเมืองที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอิสราเอล ต่างหล่นลงมาหนึ่งและเจ็ดอันดับในการจัดอันดับโลก โดยตอนนี้ปารีสแซงหน้าเมืองของอิสราเอลไปแล้ว เมืองอื่นๆ เช่น Be’er Sheva, Caesarea และ Nazareth ต่างก็พบการลดลงเช่นเดียวกัน ไฮฟา (Haifa) ซึ่งเป็นเมืองสตาร์ทอัพที่มีผลประกอบการดีเป็นอันดับ 3 ของอิสราเอล พุ่งขึ้น 11 อันดับและตอนนี้อยู่ในอันดับที่ 133 เมืองยกแนม(Yokneam)พุ่งขึ้น 13 อันดับและช่วยให้ประเทศรักษาตำแหน่งต่อไปอีกปี แม้ว่าอนาคตอาจไม่แน่นอนหากเรื่องราวความสำเร็จในอดีตยังคงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ข่าวร้ายทั้งหมด อิสราเอลยังคงเป็นประเทศอันดับที่สามในภาพรวมติดต่อกันเป็นปีที่สี่ รองจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร และเป็นประเทศเดียวในห้าอันดับแรกที่ลดช่องว่างกับสหรัฐฯ อิสราเอลยังคงเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตะวันออกกลางและแอฟริกา ทำคะแนนได้เกือบห้าเท่าของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปัจจุบัน อิสราเอลมี 8 เมืองใน 500 อันดับแรก เทียบกับ 6 เมืองในปี 2022 และอยู่ในอันดับที่ 21 ในด้านคะแนนธุรกิจ ซึ่งบ่งชี้ว่าสตาร์ทอัพของประเทศประสบความสำเร็จแม้จะมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีบางอย่างยังไม่ใช่สำหรับสิ่งนี้
ในปี 2023 นี้ จะมองเห็นได้ถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวงการสตาร์ทอัพทั่วโลกและระบบนิเวศทั่วโลก กระแสสังคมได้รวมถึงการผลักดันการทำงานจากระยะไกลจากผู้บริหาร ในขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลให้กับพนักงานด้านดิจิทัลที่ถูกลอยแพที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากขึ้นถึง 35 ล้านคนต่อปี โดยเพิ่มจาก 11 ล้านคนในปี 2021 พนักงานด้านเทคโนโลยี 200,000 คนถูกปลดออกจากงานในภาคไอทีในช่วงห้าเดือนแรกของปี ในปี 2023 มากกว่าปี 2022 ทั้งหมด โดยรวมแล้วมีการลดลงของเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพทั่วโลก และอิสราเอลเองก็เช่นกัน: ในปี 2022 มีข้อตกลง 493 ข้อตกลง ลดลงจาก 592 ข้อตกลง และเงินทุนโดยรวมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
StartupBlink เผยแพร่รายงานประจำปีเกี่ยวกับระบบนิเวศของสตาร์ทอัพโดยใช้วิธีการที่มีคะแนนปริมาณ คะแนนคุณภาพ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสตาร์ทอัพ ได้ตรวจวัดประสิทธิภาพของ 1,000 เมืองใน 100 ประเทศ และเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่างๆ เช่น Crunchbase, Statista, Bright Data และ United Nations Development Programme
ที่มา : https://www.calcalistech.com/ctechnews/article/bkudjsaln
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
ระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) คือสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยต่างๆที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากขึ้น เพื่อเร่งสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ที่ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ได้แก่ 1) ความพร้อมของกำลังคน (Manpower Readiness) 2) แหล่งเงินทุน (Source of Funding) 3) การหากลุ่มลูกค้าและการขยายธุรกิจ (Growth & Scalability) 4) การสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศ (Support from Government & Partners) พบว่าภาครัฐควรมีนโยบายเพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยสามารถเป็นผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง อีกทั้งควรสนับสนุนด้านเงินทุน รวมถึงการสร้างเกณฑ์คุณสมบัติในการรับทุนที่เอื้อต่อทุกธุรกิจของวิสาหกิจเริ่มต้น หากลุ่มลูกค้าและการขยายธุรกิจ (Growth & Scalability) (ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA)
อิสราเอลเป็นประเทศที่พัฒนาและส่งออกภาคบริการด้านเทคโนโลยี่ขั้นสูงด้านต่างๆ มีคู่ค้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และยังคงมองหาลูกค้าเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและสร้างรายได้จากด้านเทคโนโลยีให้ได้เพิ่มขึ้น หากภาคเอกชนไทยสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐและเอกชนของอิสราเอล เช่น Export Institute, Weizman Institute of Science และ Federation of Israeli Chamber of Commerce เป็นต้น
—————————————————————————
สคต.เทลอาวีฟ
9 มิย.66
Disclaimer :ข้อมูลต่างๆที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น
โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดและโดยทางใด
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)