อัตราเงินเฟ้อในเม็กซิโกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้ธนาคารกลางเตรียมแผนปรับลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารจัดการอัตราเงินเฟ้อให้ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% – 4%
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเม็กซิโก (INEGI) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 3.93% เพิ่มขึ้นจาก 3.80% ในเดือนมีนาคม โดยมีอัตราเงินเฟ้อเดือนต่อเดือนอยู่ที่ 0.33% ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าค่ากลางของการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยสำนักข่าว Reuters และ Bloomberg ซึ่งประเมินไว้ที่ 3.90% เล็กน้อย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาสินค้าอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง) อยู่ที่ระดับ 3.93% เช่นกัน เพิ่มขึ้นจาก 3.64% ในเดือนก่อนหน้า
ทิศทางเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของเม็กซิโกในช่วงที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายนที่ผ่านมา เกิดขึ้นภายหลังจากที่อัตราดังกล่าวเคยลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 3.59% ในเดือนมกราคม 2568 โดยหากย้อนกลับไปในปี 2565 อัตราเงินเฟ้อของเม็กซิโกเคยพุ่งสูงสุดในรอบสองทศวรรษ โดยอยู่ที่ระดับ 8.7% ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางเม็กซิโก (Banxico) เริ่มดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 21 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 โดยมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.25% ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายในเดือนมีนาคม 2567 โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเม็กซิโกอยู่ที่ระดับ 9% ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารธนาคารกลางจะมีการประชุมในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบัน
นายโจนาธาน ฮีธ (Jonathan Heath) รองผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโกได้ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันของเม็กซิโกเอื้อต่อการดำเนินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยระดับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve – Fed) ซึ่งคงไว้ในช่วงระหว่าง 4.25%–4.50% รวมถึงส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินของเม็กซิโกจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่าง Banxico กับ Fed มีส่วนช่วยทำให้ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้ในระยะหนึ่ง แต่ในปีที่ผ่านมา มีหลายปึจจัยที่ทำให้เงินเปโซอ่อนค่าลง อาทิ ชัยชนะถล่มทลายของพรรค Morena ในการเลือกตั้งเดือนมิถุนายน การผ่านร่างปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของรัฐสภาเม็กซิโก และชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ค่าเงินเปโซมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับประมาณ 20.60 เปโซต่อดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม 2567 มาอยู่ที่ 19.57 เปโซต่อดอลลาร์ ในปัจจุบัน
สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค จากข้อมูลสถาบันสถิติแห่งชาติของเม็กซิโก (INEGI) พบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ราคาผลไม้และผักลดลง 2.45% ในขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และสถิติในเดือนเมษายน 2568 พบว่าราคาสินค้าในกลุ่มอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ยาสูบ ปรับตัวสูงขึ้น 4.42% สินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4% ราคาบริการเพิ่มขึ้น 4.56% ในขณะที่ราคาพลังงานรวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.99% เมื่อเทียบเดือนเมษายนของปี 2567 จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าและบริการในเม็กซิโกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศลดลง ซึ่งอาจทำให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่การมองหาสินค้าราคาประหยัด และลดค่าใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่มีราคาสูง รวมไปถึงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูงกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ
——————————————————————
ที่มา
https://mexiconewsdaily.com/business/inflation-april-interest-rate-cut/
El Economista, El Universal, Bloomberg and Reuters
อ่านข่าวฉบับเต็ม : เงินเฟ้อเม็กซิโกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารกลางจ่อปรับลดดอกเบี้ย