หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > เกาหลีใต้หวั่นทรัมป์ขึ้นภาษีรถยนต์

เกาหลีใต้หวั่นทรัมป์ขึ้นภาษีรถยนต์

(ที่มา : สำนักข่าว The Korea Times ฉบับวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568)

           เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับลมปะทะที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เสนอบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์ เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ครองสัดส่วนสูงที่สุดของการส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐอเมริกา

          เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศแผนการบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งอาจมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในวันที่ 2 เมษายน 2568 นี้ โดยมาตรการนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแบรนด์รถยนต์ของเกาหลีใต้ เช่น ฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor), เกีย (Kia) และเจเนซิส (Genesis) เนื่องจากยอดขายและรายได้จากตลาดสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

           ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตรถยนต์ของเกาหลีใต้ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีเกาหลี-สหรัฐฯ (KORUS FTA) อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายการค้าที่คาดเดาไม่ได้ของทรัมป์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะออกมาตรการภาษีเพิ่มเติมเพื่อบังคับใช้กับรถยนต์นำเข้าในอนาคตอันใกล้นี้

          ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เกาหลีใต้ส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ มากกว่า 1.53 ล้านคันในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 3.66 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (52 ล้านล้านวอน) ทำให้เกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ในตลาดสหรัฐฯ รองจากเม็กซิโกและญี่ปุ่น

          ในทางตรงกันข้าม มูลค่าการส่งออกรถยนต์ของสหรัฐฯ ไปยังเกาหลีใต้ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่เพียง 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดดุลการค้าจำนวนมากสำหรับสหรัฐฯ

 

          นับตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้กำหนดแผนที่จะให้มีมาตรการลงโทษทางการค้าในอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียม รวมถึงการเก็บภาษีตอบโต้ ซึ่งเป็นมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่เกาหลีใต้โดยตรง

          อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์ที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้ สร้างความกังวลอย่างมากในเกาหลีใต้ เนื่องจากเกาหลีใต้พึ่งพาการส่งออกสินค้าหลักเพียงไม่กี่ประเภท เช่น รถยนต์ และเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เสี่ยงต่อการรับแรงกดดันทางการค้าจากทรัมป์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกโดยรวมของประเทศ

          ข้อมูลจาก Korea International Trade Association  (KITA) ระบุว่า มูลค่าการส่งออกรถยนต์ของเกาหลีใต้ในปี 2567 อยู่ที่ 7.079 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ยอดส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ สูงกว่ายอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 2 ของเกาหลีใต้

          ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงมุมมองแง่ลบเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งภายใต้การบริหารของทรัมป์ โดย นาย คิม พิลซู ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยียานยนต์จากมหาวิทยาลัยแทลิมกล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเสาหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีใต้อย่างปฏิเสธไม่ได้ และความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่แรงกดดันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของทรัมป์กำลังสร้างอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ อาทิ ฮุนได มอเตอร์ กำลังพยายามหาแนวทางรับมือ เช่น การเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ หรือการกระจายช่องทางการขายไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งในความเป็นจริง ยังคงเป็นเรื่องลำบากสำหรับผู้ผลิตรถยนต์เกาหลีใต้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำยอดขายได้อย่างโดดเด่นในตลาดอื่นๆ ในระยะเวลาอันสั้น

          กลุ่มบริษัทฮุนไดมอเตอร์กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลว่าอาจขาดทุนถึงหลายล้านล้านวอนจากผลกระทบของภาษีนำเข้า

          นาย จอง อึยซอน ประธานบริหารของกลุ่มบริษัทฮุนไดมอเตอร์ เพิ่งเดินทางไปสหรัฐฯ และพบปะกับบุคคลสำคัญภายใต้การบริหารของทรัมป์ โดยได้พบกับโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างการแข่งขันกอล์ฟ PGA Tour ในซานดิเอโก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจเนซิส แบรนด์รถหรูในเครือฮุนได ซึ่งการเคลื่อนไหวดังลก่าว ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะทำการล็อบบี้ เพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่กำลังจะเกิดขึ้น

          นอกจากนี้ Jose Munoz ซีอีโอของฮุนไดมอเตอร์ ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของฮุนไดในการสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในสหรัฐฯ ผลิตรถยนต์มากกว่า 700,000 คันในปีที่ผ่านมา และสร้างงานสำหรับชาวอเมริกันทั่วประเทศ 570,000 ตำแหน่ง

          รัฐบาลเกาหลีใต้จะส่งเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงไปสหรัฐฯ เพื่อประสานงานด้านการค้าและเศรษฐกิจ ตามข้อมูลของรัฐบาล นาย พัค จองวอน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้า เศรษฐกิจ และพลังงาน จะพบปะกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เพื่อสื่อสารจุดยืนของเกาหลีใต้เกี่ยวกับแผนการเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกของเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงจากเกาหลีใต้ นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

 

          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์อาจเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ เนื่องจากแบรนด์รถยนต์ของสหรัฐฯ บางรายอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายนี้ เช่น General Motors (GM) Korea ซึ่งส่งออกรถยนต์มากกว่าร้อยละ 90 ของกำลังการผลิตในเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ หากทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้ากับรถยนต์ทั้งหมด GM เกาหลีจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก และอาจต้องถอนตัวจากตลาดเกาหลีใต้

บทวิเคราะห์

          รถยนต์เป็นสินค้าส่งออกหลักจากเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ หากสหรัฐกำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์นำเข้า จะส่งผลกระทบเป็นระลอกใหญ่ต่อการค้าของเกาหลีใต้อย่างแน่นอน โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ อาทิ ฮุนได และเกีย อาจจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐฯ ลดลงจากราคาขายปลีกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจต้องลดการผลิต ลดการลงทุน หรืออาจเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ชะลอตัวลง

          ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรรายใหญ่ไปยังเกาหลีใต้ หากผู้ผลิตรถยนต์ของเกาหลีเผชิญกับยอดขายและการผลิตที่ลดลง ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์จากไทยก็ลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจของเกาหลีใต้อ่อนแอลงเนื่องจากแรงกดดันทางการค้า กำลังซื้อของเกาหลีใต้ก็จะลดลง ส่งผลให้ความต้องการสินค้าของไทยอื่นๆ นอกเหนือจากชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น อาหาร สินค้าเกษตรต่างๆ หรือสินค้าแฟชั่น ลดลง ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรที่จะพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคเกาหลี รักษามาตรฐาน และให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาที่เหมาะสม เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่อาจจะถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 

อ่านข่าวฉบับเต็ม : เกาหลีใต้หวั่นทรัมป์ขึ้นภาษีรถยนต์

Login