หน้าแรกTrade insightการค้าระหว่างประเทศ > อัตราเงินเฟ้อลักเซมเบิร์กเดือนสิงหาคมอยู่ที่ร้อยละ 4.2

อัตราเงินเฟ้อลักเซมเบิร์กเดือนสิงหาคมอยู่ที่ร้อยละ 4.2

สำนักงานสถิติแห่งชาติลักเซมเบิร์ก STATEC ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อลักเซมเบิร์กเดือนสิงหาคมอยู่ที่ร้อยละ 4.24 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมที่อยู่ที่ร้อยละ 3.75 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของลักเซมเบิร์กทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.9 และอัตราเงินเฟ้อปี 2567 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5

ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อลักเซมเบิร์กค่อยๆ ขยับตัวลดลงตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2565 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่มีการปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของลักเซมเบิร์กเดือนกรกฎาคมปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.75 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงกว่าร้อยละ 4.5 เป็นผลมาจากราคาบริการที่พุ่งสูงขึ้นและมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2566 จากการปรับขึ้นของดัชนีค่าจ้างแรงงาน 2 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนเมษายน และราคาตั๋วเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 และราคาแพคเกจท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งปัจจัยนี้เป็นผลกระทบตามฤดูกาล (Seasonal Effect) เนื่องจากช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมจะเป็นฤดูกาลของการท่องเที่ยวพักผ่อนของยุโรป แต่ในทางกลับกันราคาสินค้าอาหารที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี แม้จะลดลงเพียงเล็กน้อยแค่ร้อยละ 0.1 แต่อย่างไรก็ตาม การเกิดปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศเอลนีโญอีกครั้งในปีนี้ทำให้ราคาวัตถุดิบทางการเกษตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงความรุนแรงและมีความไม่แน่นอนสูงยังคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกธัญพืชจากประเทศยูเครน

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนสิงหาคมมีการประกาศขึ้นราคาพลังงานเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปัจจัยดังกล่าวจึงไม่ส่งผลช่วยให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงเหมือนที่ผ่านมา แต่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ลักเซมเบิร์กมีแผนที่จะปรับดัชนีค่าจ้างแรงงานในเดือนกันยายนของทุกปี โดยการปรับดัชนีค่าจ้างแรงงานในปี 2566 รัฐบาลมีเงื่อนไขว่าถ้าหากอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าร้อยละ 4.1 ก็จะมีการปรับแผนและเลื่อนการปรับดัชนีค่าจ้างแรงงานไปเป็นเดือนตุลาคมแทน

ล่าสุด STATEC รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.24 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และร้อยละ 1.45 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากเป็นช่วงเวลาสิ้นสุดของเทศกาลลดราคาสินค้า (Summer Sales) สินค้าส่วนใหญ่ปรับราคากลับมาสู่ระดับปกติ ส่งผลให้ราคาสินค้าเสื้อผ้าและรองเท้าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 13.89 (ราคาสินค้าเสื้อผ้าสูงขึ้นร้อยละ 6.6 และราคาสินค้ารองเท้าสูงขึ้นร้อยละ 6.3) เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปีก่อนหน้า ราคาสินค้าเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 สินค้าสิ่งทอในครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 นอกจากนี้ ราคาพลังงานเชื้อเพลิงก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 และแม้ว่าราคาพลังงานเชื้อเพลิงจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดือนสิงหาคมปีที่แล้วร้อยละ 1.3 ราคาสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.41 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่สูงขึ้นร้อยละ 9.94 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมไปสู่ระดับที่สูงกว่าร้อยละ 4.1 นี้จึงส่งผลไปสู่การปรับดัชนีค่าจ้างแรงงานและเงินบำนาญที่ร้อยละ 2.5 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

บทวิเคราะห์และความเห็น สคต.

เศรษฐกิจลักเซมเบิร์กมีความยืดหยุ่นหลังสถานการณ์สงครามในยูเครน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและสนับสนุนทางการคลัง แม้ว่าตลาดแรงงานจะแข็งแกร่ง แต่การเติบโตของเศรษฐกิจก็ยังชะลอตัวลง ราคาพลังงานที่สูงขึ้นส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลต้องสนับสนุนครัวเรือนและบริษัทต่างๆ ด้วยมาตรการต่างๆ อาทิ มาตรการควบคุมราคาสินค้า มาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 1 โดยลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (Standard Rate) จากร้อยละ 17 เหลือร้อยละ 16 ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการทางการเงินบางอย่าง (Intermediate Reduced Rate) จากร้อยละ 14 เหลือร้อยละ 13 ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับก๊าซและไฟฟ้า (Reduced Rate) จากร้ยอละ 8 เหลือร้อยละ 7 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 31 ธันวาคม 2566 โดยภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับหนังสือ ผลิตภัณฑ์ยาและเภสัชภัณฑ์ อาหาร น้ำ และหนังสือพิมพ์ (Super Reduced Rate) ให้ยังคงไว้ที่ร้อยละ 3 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ การให้เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ การตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในลักเซมเบิร์กอยู่ในระดับที่ต่ำว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ถึงแม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่สูง แต่มาตรการดังกล่าวก็สามารถช่วยรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อของลักเซมเบิร์กให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหลายประเทศสมาชิกในกลุ่มยูโรโซน โดยอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือนสิงหาคมอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของลักเซมเบิร์กอยู่ที่ร้อยละ 4.2

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login