สำนักสถิติแห่งชาติไนจีเรียรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนตุลาคม 2566 ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งวัดอัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียพุ่งสูงสุดที่ 27.33% ในเดือนตุลาคม 2566 สูงสุดในรอบประมาณสองทศวรรษและเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่เก้าซึ่งยังเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 18 ปีเมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน (กันยายน 2566 อยู่ที่ 26.72%)
อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารซึ่งเป็นดัชนีที่จับตามองอย่างใกล้ชิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 31.52% ในเดือนตุลาคม 2566 จากร้อยละ 30.64% ในเดือนกันยายนฯ โดยที่ดัชนีอาหารที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการขึ้นของราคาน้ำมันและไขมัน ราคาขนมปังและซีเรียล ผลิตภัณฑ์อาหาร มันฝรั่ง มันเทศและพืชหัวอื่นๆ รวมทั้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์และปลา รวมทั้ง ชีสและไข่
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.61 จุด เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกันยายน 2566 และเมื่อเทียบเป็นรายปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 6.24 จุดโดยเทียบกับอัตราที่บันทึกไว้ในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 21.09 และตามรายงานอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นร้อยละ 31.52 เมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 7.80 เมื่อเทียบกับอัตราที่บันทึกไว้ในเดือนตุลาคม 2565 (ร้อยละ 23.72) และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รายการอาหารราคาแพงมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วไนจีเรีย และสถานการณ์แย่ลงเนื่องจากผลกระทบของนโยบายภาครัฐ เช่น การยกเลิกการอุดหนุนน้ำมัน และอื่นๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมฯ ประธานาธิบดีโบลา ทินูบู ได้ประกาศยกเลิกการอุดหนุนน้ำมันซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากสำหรับชาวไนจีเรียจำนวนมากโดยมีราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเงินไนร่าได้อ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 50 ทั้งในส่วนของตลาดที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตหลังจากที่ธนาคารกลางแห่งไนจีเรียประกาศในเดือนมิถุนายนว่าได้ยุบหน้าต่างอัตราแลกเงินตราต่างประเทศทั้งหมดมาไว้ในหน้าต่างของนักลงทุนและผู้ส่งออก (I&E)
อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกา ส่งผลให้ธนาคารชั้นนำปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษโดยในเดือนกรกฎาคมฯ ธนาคารกลางไนจีเรียได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานเป็นร้อยละ 18.75 นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปแม้ว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง ยังนำเสนอทางเลือกที่แข็งแกร่งโดยคาดว่าจะมีการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากความพยายามล่าสุดในการรวมตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว และในเดือนเดียวกันประธานาธิบดีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันทีเกี่ยวกับความไม่มั่นคงด้านอาหารเพื่อรับมือกับราคาอาหารที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ การรายงานภาวะเงินเฟ้อเมื่อวันพุธฯ สำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่าการมีส่วนร่วมของรายการอาหารที่แพงขึ้นมีผลต่อดัชนีทั่วไป ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (ร้อยละ 14.16) น้ำที่อยู่อาศัย ไฟฟ้า ก๊าซ และเชื้อเพลิงอื่นๆ (ร้อยละ 4.57) เสื้อผ้าและรองเท้า (ร้อยละ 2.09) และการขนส่ง (ร้อยละ 1.78) อื่นๆ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ในครัวเรือนและการดูแลรักษา (ร้อยละ 1.37) การศึกษา (ร้อยละ 1.08) สุขภาพ (ร้อยละ 0.82) สินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ร้านอาหารและโรงแรม (ร้อยละ 0.33) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบและโคล่า (0.30 เปอร์เซ็นต์) สันทนาการฯ (0.19 เปอร์เซ็นต์) และการสื่อสาร (0.19 เปอร์เซ็นต์)
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารโดยเฉลี่ยต่อปีในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือนตุลาคม 2566 จากค่าเฉลี่ย 12 เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 26.33 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.50 จากอัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยต่อปีที่บันทึกไว้ในเดือนตุลาคม 2565 (ร้อยละ 19.83)
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราเงินเฟ้อในไนจีเรียเพิ่มขึ้น 24 เท่าในช่วง 25 เดือนที่ผ่านมา (สองปี) ซึ่งเป็นไปตามการวิเคราะห์รายงานดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทั้งนี้ การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าระหว่างเดือนตุลาคม 2564 ถึงตุลาคม 2566 อัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียเพิ่มขึ้น 24 เท่า ยกเว้นเดือนธันวาคม 2565 ที่ชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 21.34 จาก 21.47 ที่บันทึกไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2565 และในช่วงการรายงานฯ (ต.ค. 2564 – ก.ย. 2566) อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15.99 เป็นร้อยละ 27.33
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)