หน้าแรกTrade insightเครื่องดื่ม > ส่องสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ตลาดอนาคตรุ่งของจีน

ส่องสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ตลาดอนาคตรุ่งของจีน

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังหรือ Energy Drink ของจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 – 2021 โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี โดยในช่วงก่อนปี ค.ศ. 2015 มีอัตราการขยายตัวกว่าร้อยละ 30 (YoY) แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 2021 การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ก็ทำให้การแข่งขันกีฬาต่างๆ ในจีนถูกยกเลิก และการมาตรการกักตัวทำให้ความต้องการเครื่องดื่มชูกำลังของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนชะลอตัวลง โดยในปี ค.ศ. 2021 จีนมียอดปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังเท่ากับ 2,644 ล้านลิตร ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง โดยเติบโตเพียงร้อยละ 10.71 (YoY)

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากเดิมในปี ค.ศ. 2011 เครื่องดื่มชูกำลังครองส่วนแบ่งตลาดในตลาดเครื่องดื่ม Soft Drink ร้อยละ 3.11 และเพิ่มเป็นร้อยละ 9.22 ในปี ค.ศ. 2021 แต่อย่างไรก็ดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ทำให้กิจกรรมออฟไลน์จำนวนมากถูกยกเลิก และความถี่ในการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านลดลง ส่งผลให้การบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังลดลงตามไปด้วย โดยในปี ค.ศ. 2021 ตลาดค้าปลีกเครื่องดื่มชูกำลังจีนมีมูลค่า 53,734 ล้านหยวน (268,670 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนในตลาดเครื่องดื่ม Soft Drink ร้อยละ 9.22 (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 5 บาท)

เมื่อพิจารณาจากการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดจีน พบว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนมีความกระจุกตัวของผู้ประกอบการสูง โดยก่อนปี ค.ศ. 2013 แทบจะมีเพียงบริษัท RED Bull ผู้เดียวที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด แต่ต่อมาภายหลังมีบริษัท Eastroc Beverage และบริษัท Zhongwo (จงว้อ) เริ่มเข้ามา ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ RED Bull ลดลง โดยในปี ค.ศ.2021 RED Bull ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 35.4 รองลงมา ได้แก่ บริษัท Eastroc ร้อยละ 18.7 บริษัท Zhongwo ร้อยละ 13.6 บริษัท Dali Foods (ต๋าลี่) ร้อยละ 11.3 และบริษัท War Horse ร้อยละ 3.6 ตามลำดับ

หลายปีที่ผ่านมานี้ เนื่องจากมีข้อพิพาทด้านเครื่องหมายการค้า และปริมาณการจำหน่ายของบริษัทผู้นำในตลาดที่ลดลง ทำให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในระดับท้องถิ่นมีโอกาสในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยในที่นี้ แบรนด์ Eastroc Beverage ได้เริ่มลงทุนในด้านการโฆษณา และการเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันกีฬาต่างๆ จำนวนมากเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ ทำให้ในปี ค.ศ. 2021 บริษัท Eastroc Beverage มีส่วนแบ่งตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นร้อยละ 18.7 เพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2020 ที่มีเพียงร้อยละ 3.6 ขณะที่แบรนด์ Zhongwo แบรนด์ Hi Tiger และแบรนด์ War Hourse กลับมีส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง

เครื่องดื่มชูกำลังที่ขายดี 3 อันดับแรก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ค.ศ. 2023 ในแต่ละภูมิภาคของจีน มีดังนี้

1) ภาคตะวันออก ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Red Bull (REIGNWOOD GROUP) ขนาด 250 ml เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Eastroc ขนาด 500 ml และเครื่องดื่มชูกำลังวิตามินทอรีนของ Red Bull (บริษัท TCP Group) ขนาด 250 ml ตามลำดับ

2) ภาคใต้ ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Eastroc ขนาด 500 ml เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Red Bull (REIGNWOOD GROUP) ขนาด 250 ml และ และเครื่องดื่มชูกำลังวิตามินทอรีนแบบเข้มข้นของ Red Bull (บริษัท TCP Group) ขนาด 250 ml ตามลำดับ

3) ภาคเหนือ ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Red Bull (REIGNWOOD GROUP) ขนาด 250 ml เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Eastroc ขนาด 500 ml และเครื่องดื่มชูกำลังวิตามินทอรีนของ Red Bull (บริษัท TCP Group) ขนาด 250 ml ตามลำดับ

4) ภาคกลาง ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Red Bull (REIGNWOOD GROUP) ขนาด 250 ml เครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Eastroc ขนาด 500 ml และเครื่องดื่มชูกำลังวิตามินของ Red Bull (REIGNWOOD GROUP) ขนาด 250 ml ตามลำดับ

ปัจจุบัน สืบเนื่องจากกิจกรรม E-Sport และเทศกาลดนตรี เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้การบริโภคเครื่องดื่มยุคใหม่จึงมีแนวโน้มสอดคล้องกับการบริโภคที่มีความเป็นวัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการบริโภค กลุ่มผู้บริโภค และรสชาติของเครื่องดื่มชูกำลังจึงนำมาซึ่งโอกาสของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในจีน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะขยายตัวกว้างขวางขึ้น และในปี ค.ศ. 2027 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนจะมีมูลค่าถึง 81,500 ล้านหยวน (407,500 ล้านบาท)

นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ได้คลี่คลายลง ทำให้ผู้บริโภควัยแรงงานกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ จึงเริ่มมองหาเครื่องดื่มที่ให้พลังงานและความสดชื่น ส่งผลให้เครื่องดื่มชูกำลังเป็นตัวเลือกเครื่องดื่มที่ถูกพิจารณาในอันดับต้นๆ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น จึงให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการสำรวจผู้บริโภคต่อความคาดหวังของเครื่องดื่มชูกำลังของจีน พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ร้อยละ 53 คาดหวังเครื่องดื่มชูกำลังที่ให้พลังงาน รองลงมา ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังที่จะช่วยปรับปรุงสภาพจิตใจให้ดีขึ้น ร้อยละ 35 และเครื่องดื่มชูกำลังที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค ร้อยละ 31 ตามลำดับ ขณะที่ ด้านรสชาติ ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อรสชาติที่ผสมผสานลงตัว และมีการใช้วัตถุดิบที่น่าสนใจ ซึ่งรสชาติที่ดีถือเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มชูกำลังที่จะช่วยดึงดูดต่อมรับรสของผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ได้เพิ่มขึ้น

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค และกลุ่มผู้บริโภคหลักทำให้ตลาดเครื่องดื่มในจีนเกิดแนวโน้มการบริโภคใหม่ โดยตลาดเครื่องดื่มชูมีแนวโน้มความต้องการในการบริโภคมากขึ้น และไม่ได้กำจัดอยู่ในกลุ่มนักกีฬาหรือผู้ใช้แรงงานอีกต่อไป แต่ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวชาวจีนรุ่นใหม่ก็มีความต้องการเครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากหนุ่มสาวชาวจีนรุ่นใหม่มีความนิยมในการทำกิจกรรม Outdoor และกิจกรรมที่มีความตื่นเต้นโลดโผนและใช้พลังงานสูง ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่กำลังได้รับความนิยม ประกอบกับการใช้ชีวิตประจำวันมีความเหน็ดเหนื่อย รวมทั้ง การอดหลับอดนอนจากการทำงานล่วงเวลา การเรียนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นของนักเรียนนักศึกษา และกระแสรักสุขภาพที่ทำให้ชาวจีนยุคใหม่หันมาออกกำลังกายมากขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคเหล่านี้มีความต้องการความกระปรี้กระเปร่า ต้องการความสดชื่นและการฟื้นฟูจิตใจ และเติมพลังงานให้แก่ร่างกาย ซึ่งความต้องการเหล่านี้ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี ดังนั้น ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนจึงถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ และน่าจับตามองสำหรับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลังที่จะเข้ามาพิจารณาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละเมืองแต่ละมณฑลเพื่อแสวงหาช่องทางในการขยายตลาดส่งออกเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งปัจจุบันเนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการที่คำนึงถึงสุขภาพเป็นสำคัญ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีนจึงควรพิจารณานำเสนอและส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดจีน โดยให้ความสำคัญด้านรสชาติและส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย พกพาสะดวก และเหมาะกับการบริโภคให้มากที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น การร่วมมือกับผู้มีชื่อเสียงในท้องถิ่นโดยเฉพาะผู้ที่มีอิทธิพลต่อการออกกำลังกาย และรักษาสุขภาพ ก็จะเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังของไทยให้เป็นที่รู้จักได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมทั้ง เปิดโอกาสให้เครื่องดื่มชูกำลังของไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภคชาวจีน และสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดจีนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 https://www.foodtalks.cn/news/46857

https://www.foodtalks.cn/news/46875

https://www.foodtalks.cn/news/46711

https://www.foodtalks.cn/news/46712

https://www.foodtalks.cn/news/46186

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login