หน้าแรกTrade insightข้าว > สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำของจีนในปี 2024

สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำของจีนในปี 2024

ความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีต่ำในประเทศจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้เริ่มแสวงหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดีต่อสุขภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีต่ำหมายถึงเครื่องดื่มที่มีปริมาณ      เอทานอลต่ำกว่า 20° เมื่อวัดที่อุณหภูมิ 20°C เช่น เหล้าหมัก ไวน์ และเบียร์ ซึ่งมักเรียกว่า “Alco-pop” ความโดดเด่นของเครื่องดื่มเหล่านี้คือความหวานและกลิ่นหอมที่แตกต่างจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีสูง ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสดชื่นและรสชาติที่นุ่มนวลกว่า

ที่มาของรูป: https://pulsenews.co.kr/view.php?sc=30800024&year=2022&no=70565

ที่มาของรูป: https://www.iimedia.cn/c1061/101960.html

ข้อมูลจาก iiMedia Research แสดงให้เห็นว่าในปี 2024 ผู้บริโภคชาวจีนมีความชื่นชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีต่ำหลากหลายประเภท ดังนี้ 42.41% ชอบไวน์ผลไม้, 40.31% ชอบไวน์องุ่น, 39.53% ชอบเบียร์,28.01% ชอบไวน์ข้าว, 25.92% ชอบสาเก, 23.82% ชอบไวน์โซดา และ 20.42% ชอบไวน์นม ไวน์ผลไม้ ไวน์องุ่นและเบียร์ เป็นสามอันดับแรกที่ผู้บริโภคนิยมมากที่สุด โดยไวน์ผลไม้ทำมาจากผลไม้หลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละรสชาติสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของผลไม้ที่ใช้ในการผลิต มอบประสบการณ์รสชาติที่สดชื่นและละเอียดอ่อนรวมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ ไวน์ผลไม้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารจากผลไม้ธรรมชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ แม้ว่าไวน์ผลไม้และไวน์องุ่นจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ไวน์องุ่นจะใช้วัตถุดิบหลักจากองุ่นพันธุ์ต่างๆ ในขณะเดียวกัน เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติขมเล็กน้อย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากเบียร์มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าไวน์ จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดจีน

10 อันดับแรกของแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนในปี 2567

ที่มาของรูป: https://www.iimedia.cn/c1061/101960.html

ข้อมูลการสำรวจจาก iiMedia Research ระบุถึงแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ 10 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนในปี 2567 ได้แก่ Jiangxiaobai, RIO, Umejian, Umenosu, Xueji, Zhenro,Baihe, Qinghe, Anjis และ Mike โดยการรับรู้ของผู้บริโภคต่อแบรนด์เหล่านี้อยู่ที่ 26.18%, 21.73%, 19.63%,15.97%, 14.92%, 14.40%, 13.09%, 12.83%, 12.83%, และ 12.30% ตามลำดับ แบรนด์ไวน์แอลกอฮอล์ต่ำที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่เป็นแบรนด์จากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวน์พลัม โดย Umemi, Umenojuku และ Yukihime เป็น          แบรนด์ไวน์พลัม, Hakuhe และ Qinghe เป็นแบรนด์สาเก, Jiangxiaobai เป็นแบรนด์ไวน์ข้าวฟ่าง, RIO เป็นแบรนด์ค็อกเทล (ไวน์สำหรับผสม), Jinro เป็นแบรนด์โซจู และ Miko เป็นแบรนด์เบียร์ Jiangxiaobai, RIO และ Meijianที่ติดอันดับสามอันดับแรกล้วนเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของจีน โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Jiangxiaobaiและ RIO

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำจากประเทศจีนมีความได้เปรียบทางการแข่งขันสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์จากต่างประเทศ เนื่องจากแบรนด์ท้องถิ่นของจีนมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทในขณะที่แบรนด์จากญี่ปุ่นและเกาหลีมักเน้นไปที่สาเกและโชจูตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างในวัฒนธรรมการดื่มสุราของแต่ละประเทศและภูมิภาคต่างๆ

ข้อคิดเห็น สคต.เซี่ยงไฮ้
ด้วยความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพ ดังนั้น การพัฒนาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำในจีนจึงไม่ได้จำกัดเพียงแค่การเพิ่มความหลากหลายของรสชาติแต่ยังมุ่งเน้นที่การตลาดที่สร้างสรรค์เพื่อดึงดูดผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์และคุณภาพของเครื่องดื่มมากขึ้น ดังนั้น
การตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างและความสำเร็จในตลาดนี้สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจนำสินค้าเข้าตลาดจีน การทำความเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของผู้บริโภคจะเป็นสิ่งสำคัญในการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของตลาดจีนและการเน้นคุณภาพและการสร้างแบรนด์จะช่วยให้สามารถสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่นใน
ผลิตภัณฑ์ของตนได้

จัดทำโดย กรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้

แหล่งที่มา
https://www.iimedia.cn/c1061/101960.htm

อ่านข่าวฉบับเต็ม : สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำของจีนในปี 2024

Login