สำนักข่าว Anadolu รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสภาผู้ส่งออกแห่งตุรกี (TİM) ว่า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมีเป็นภาคส่วนที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด คิดเป็นมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ตามมาเป็นลำดับถัดไปด้วยมูลค่าการส่งออก 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องนุ่งห่มมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 856 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมทั้งการส่งออกพรมอยู่ที่ 784 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 774 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นาย Süleyman Sanlı ประธานสมาคมธุรกิจตุรกี-อเมริกัน (Turkish American Business Association) แสดงความเห็นว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของตุรกี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งเขาระบุว่า “อัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและจำกัดการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ของผู้ประกอบการตุรกี”
แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้า แต่นาย Mehmet Şimşek รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและการเงินของตุรกี กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า “เครือข่ายข้อตกลงทางการค้าของตุรกีประกอบกับบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคจะช่วยให้ประเทศสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน” นอกจากนี้ Şimşek กล่าวว่า “บางประเทศจะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ๆ จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และเขายังคาดการณ์ไว้ว่าตุรกีจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากตุรกีไม่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ และขณะนี้ตุรกีกำลังเผชิญกับมาตรการภาษีศุลกากรอยู่แล้ว”
ข้อมูลจากหน่วยงานสถิติแห่งรัฐ Turkstat ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 5 ในเดือนมกราคม โดยเป็นผลจากต้นทุนในภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ ค่าเช่าที่อยู่อาศัย การศึกษา และบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นในช่วงร้อยละ 6.5 ถึงร้อยละ 23 ภายในเดือนเดียว แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจะอยู่ที่ร้อยละ 42 ลดลงจากร้อยละ 44 แต่ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้ความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางตุรกีลดลงอีกด้วย
ที่ผ่านมาธนาคารกลางของตุรกีได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลงร้อยละ 5 ภายในสองเดือน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 45 โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและแนวโน้มการชะลอตัวของราคาสินค้า หนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันเงินเฟ้อเดือนมกราคม คือการปรับขึ้นภาษีของรัฐและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งถูกประกาศตั้งแต่ต้นปี และส่งผลต่อภาคบริการในหลายด้าน
นักเศรษฐศาสตร์ นาย Mustafa Sönmez กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของต้นทุนด้านบริการสุขภาพและการศึกษาเป็นผลพวงจากค่าภาษีที่สูงขึ้น แต่สิ่งที่ต้องจับตามองมากกว่าคือค่าเช่าและราคาอาหารที่ยังคงสูงขึ้นโดยไม่มีแนวโน้มลดลง สำหรับภาคการผลิตซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญ อัตราเงินเฟ้อรายเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.25 โดย Istanbul Chamber of Industry (ISO) รายงานว่าเงินเฟ้อเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในเดือนมกราคม ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ต้นทุนเชื้อเพลิง ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และความอ่อนค่าของค่าเงินเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ธนาคารกลางของตุรกีจะต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูง เมื่อจะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
รัฐบาลตุรกียังคงแสดงความมั่นใจว่ามาตรการทางการค้าของสหรัฐอเมริกาในสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศตุรกีมากนัก โดยพยายามดึงจุดแข็งที่ว่าตุรกีเป็นจุดศูนย์กลางด้านการขนส่งที่สำคัญในภูมิภาค ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับตุรกีจะขึ้นๆ ลงๆ อยู่เรื่อยๆ ก็ตามในขณะเดียวกันตุรกีเองก็คงยังต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงอย่างมาก นโยบายด้านภาษีนำเข้าที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบันที่กระทบกับต้นทุนของภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมาก ทั้งยังกระทบกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยราคาด้านสินค้า ที่พักอาศัก อาหาร และบริการต่างๆ ไม่ได้มีทีท่าที่จะลดลงแต่อย่างใด แต่กลับมีราคาที่พุ่งสูงขึ้นอยู่เรื่อยๆ เสียอีกต่างหาก
ที่มา: https://www.agbi.com/trade/2025/01/turkeys-exports-surge-to-the-us-but-tariffs-threaten/
อ่านข่าวฉบับเต็ม : สถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลงกับความกังวลด้านการค้าตุรกี-สหรัฐฯ