- อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ประมาณการครั้งที่ 2 (Second Estimate) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.1 จากประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate) เมื่อเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากปัจจัยด้านการลงทุนคงคลังภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาด
ทั้งนี้ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคประชาชน การส่งออก การใช้จ่ายรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และการลงทุนระยะยาวไม่ใช่สำหรับที่อยู่อาศัย ในขณะที่การลงทุนคงคลังภาคเอกชน การลงทุนระยะยาวสำหรับที่อยู่อาศัย และการนำเข้าปรับตัวลดลงในช่วงดังกล่าว
สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2566
ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce
- อัตราการว่างงาน
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาเหลือร้อยละ 3.4 โดยมีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่แล้วอีกราว 1 แสนคนเหลือจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 5.7 ล้านคน
โดยในเดือนเมษายน 2566 มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 253,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการทางธุรกิจ 43,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 40,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 31,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 25,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการเงิน 23,000 ตำแหน่ง การจ้างงานภาครัฐ 23,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน 6,000 ตำแหน่ง
- ส่วนอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการค้าปลีก อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า อุตสาหกรรมด้านสารสนเทศ และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาเหลือร้อยละ 4.9 ไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) ซึ่งเป็นสถิติภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน
โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) กลุ่มอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเฉลี่ยร้อยละ 7.7 ส่วนกลุ่มสินค้าอื่นปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.5 ในขณะที่กลุ่มสินค้าพลังงานกลับปรับตัวลดลงเฉลี่ยร้อยละ 5.1 รายละเอียด ดังนี้
3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ซีเรียลและเบเกอรี +ร้อยละ 12.4 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ +ร้อยละ 9.5 ผลิตภัณฑ์จากนม +ร้อยละ 8.0 เนื้อสัตว์และไข่ +ร้อยละ 2.8 และผักและผลไม้สด +ร้อยละ 2.0
3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า +ร้อยละ 8.4 ส่วนก๊าซธรรมชาติ -ร้อยละ 2.1 และน้ำมันเชื้อเพลิง -ร้อยละ 12.2
3.3 กลุ่มสินค้าอื่น ได้แก่ รถยนต์ใหม่ +ร้อยละ 5.4 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ +ร้อยละ 4.6 วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ +ร้อยละ 4.0 เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม +ร้อยละ 3.6 ส่วนบัตรโดยสารเครื่องบิน -ร้อยละ 0.9 และรถยนต์มือสอง (Used Cars) -ร้อยละ 6.6
สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)
The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวลดลงจาก 103.7 ในเดือนเมษายน 2566 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เป็น 102.3 ในเดือนพฤษภาคม 2566 เช่นเดียวกันกับดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 71.7 ในเดือนเมษายน 2566 เป็น 71.5 ในเดือนพฤษภาคม 2566 (ระดับต่ำกว่า 80.0 ซึ่งเป็นระดับที่แสดงสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลาหนึ่งปีข้างหน้า) รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ปรับตัวลดลงจากเดิม 151.8 ในเดือนเมษายน 2566 เป็น 148.6 ในเดือนพฤษภาคม 2566
ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม 2566 ลดลงเนื่องจากปัจจัยสถานการณ์ด้านสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจรวมถึงการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง แม้ว่าในช่วงระยะสั้น 6 เดือนข้างหน้าตลาดการจ้างงานสหรัฐฯ จะยังมีแนวโน้มทรงตัวก็ตาม โดยกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันอายุ 55 ขึ้นไปมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงที่สุด โดยรวมแม้ว่าปัจจัยด้านภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ เฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.1 ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัจจัยดังกล่าวก็ยังมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอเมริกันสูง ทำให้แนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคในตลาดมีแนวโน้มทรงตัว อย่างไรก็ตาม พบว่า แนวโน้มการซื้อรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของผู้บริโภค ชาวอเมริกันเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
ที่มา: The Conference Board
- ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารรายเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้
- มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.4 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 686,052 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 597,986 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 112,628 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.9) สินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.9) การบริการร้านอาหาร (+ร้อยละ 0.6) วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (+ร้อยละ 0.5) และรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (+ร้อยละ 0.4) ตามลำดับ
ส่วนกลุ่มสินค้าและบริการที่มีอัตราการขยายตัวลดลง ได้แก่ อุปกรณ์กีฬา (-ร้อยละ 3.3) น้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 0.8) เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน (-ร้อยละ 0.7) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (-ร้อยละ 0.5) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (-ร้อยละ 0.3) และอาหารและเครื่องดื่ม (-ร้อยละ 0.2) ตามลำดับ
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้
สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนมีนาคม 2566 สุทธิทั้งสิ้น 64,228 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6,415 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 9.08 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนมีนาคม 2566 เป็นมูลค่า 256,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,312 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.12 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 174,309 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,221 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 09 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 81,841 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ รถยนต์ และการบริการท่องเที่ยว
สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนมีนาคม 2566 เป็นมูลค่า 320,378 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,103 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.34 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 260,902 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,219 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 59,476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.20 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กขึ้นรูป วัตถุดิบเวชภัณฑ์ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ของใช้ในบ้าน และการบริการท่องเที่ยว
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย
ในเดือนมีนาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,257.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 8.35 เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้าขาดดุลไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,418.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 14.51 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
- สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 13) ลดลงร้อยละ 10.62 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 49.19 อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.59 ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 150.45 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) ลดลงร้อยละ 16.38 และเครื่องปรับอากาศ (HS Code 8415) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.49
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนมีนาคม 2566
- สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,419.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 25) เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) ลดลง ร้อยละ 12.51 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ลดลงร้อยละ 15.17 ชิ้นส่วนแทรกเตอร์ (HS Code 8708) เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.38 ชิ้นส่วนเครื่องพิมพ์ (HS Code 8473) เพิ่มขึ้นร้อยละ 157.70 และอุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) ลดลงร้อยละ 15.02
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนมีนาคม 2566
ที่มา: Global Trade Atlas
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแล สคต. ชิคาโก)
ในเดือนมีนาคม 2566 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้า (เฉพาะในเขตพื้นที่ สคต. ชิคาโก) เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,363.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.88 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยไทยมีมูลค่าการส่งออกไปยังรัฐในเขตพื้นที่ดูแลทั้งสิ้น 962.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 9.03 และไทยมีมูลค่าการนำเข้าจากรัฐในเขตพื้นที่ดูเลทั้งสิ้น 400.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 36.62 โดยรวมไทยมีมูลค่าการค้าเกินดุลทางการค้ารัฐในเขตพื้นที่ดูแลเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 561.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- รัฐที่เป็นแหล่งนำเข้าสินค้าของไทย ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 86) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 13.27) รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 12.90) รัฐแคนซัส (ร้อยละ 12.26) และรัฐวิสคอนซิน (ร้อยละ 10.80) ตามลำดับ โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องบิน น้ำมันปิโตรเลียม ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ เศษเหล็ก ชิ้นส่วนส่งสัญญาณวิทยุ โทรศัพท์ เครื่องปั้มน้ำ เวชภัณฑ์ และฟิลเตอร์ เป็นต้น
- รัฐที่เป็นฐานส่งออกสินค้าของไทย ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 62) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ 16.18) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 11.96) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 11.59) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 8.68) ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนส่งสัญญาณวิทยุ ตัวรับสัญญาณวิทยุ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ และแผงควบคุมไฟฟ้า เป็นต้น
สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแล สคต. ชิคาโก)
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
******************************
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)