หน้าแรกTrade insightข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ > รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566

  1. อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)

สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานปรับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ประมาณการครั้งที่ 2 (Second Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.2 จากเดิมร้อยละ 4.9 ในการประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate)

แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เป็นผลมาจากการขยายตัวของใช้จ่ายภาคประชาชน การลงทุนคงคลังภาคเอกชน การส่งออก การใช้จ่ายรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และการลงทุนระยะยาวในที่อยู่อาศัย และการลงทุนระยะยาวไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าในช่วงดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลต่อมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติโดยรวมเล็กน้อย

  1. อัตราการว่างงาน

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 3.9 โดยมีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นระมาณ 1 แสนคนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6.5 ล้านคน

ในเดือนตุลาคม 2566 สหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาเหลือจำนวนทั้งสิ้น 150,000 ตำแหน่งเท่านั้น

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 58,000 ตำแหน่ง การจ้างงานภาครัฐ 51,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมก่อสร้าง 23,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 19,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 19,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 15,000 ตำแหน่ง
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต 35,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า 12,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสารสนเทศ 9,000 ตำแหน่ง
  • ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการค้าปลีก อุตสาหกรรมการเงิน และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

  1. ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาเหลือเพียงอัตราร้อยละ 3.2 ไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted)

โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) กลุ่มสินค้าอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้น              ร้อยละ 4.0 กลุ่มอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในขณะที่กลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวลดลงร้อยละ 4.5 รายละเอียด ดังนี้

3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 4.2) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 3.3) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 1.1) เนื้อสัตว์และไข่ (ร้อยละ 0.4) และผลิตภัณฑ์จากนม (-ร้อยละ 0.4)

3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 2.4) น้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 5.3) และก๊าซธรรมชาติ (-ร้อยละ 15.8)

3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 9.2) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 7.2) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 7.2) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 4.7) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 3.7) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 2.6) รถยนต์ใหม่ (+ร้อยละ 1.9) ส่วนรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 7.1) และบัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 13.2)     

  1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)

The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน 2566  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 99.1 ในเดือนตุลาคม 2566 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เป็น 102.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 72.7 ในเดือนตุลาคม 2566 เป็น 77.8 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่า 80.0 เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของโอกาสในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันปรับตัวลดลงไม่มากนักจากเดิม 138.6 ในเดือนตุลาคม 2566 เหลือ 138.2 ในเดือนพฤศจิกายน 2566

ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 แต่คาดว่า สถานการณ์จะเป็นเพียงระยะสั้นและไม่รุนแรงมากนัก นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาสินค้าและอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยการทำสงครามในตะวันออกกลางยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคในตลาดด้วย

 

  1. ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารรายเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.1 เหลือมูลค่าทั้งสิ้น 704,954 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ลดลงร้อยละ 0.2 เหลือมูลค่าทั้งสิ้น 612,059 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 118, 038 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล     (+ร้อยละ 1.1) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (+ร้อยละ 0.6) อาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.6) และการบริการร้านอาหาร (+ร้อยละ 0.3) ตามลำดับ

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ สินค้าเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน (-ร้อยละ 2.0) การค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (-ร้อยละ 1.7)รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (-ร้อยละ 1.0) อุปกรณ์กีฬา (-ร้อยละ 0.8) วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (-ร้อยละ 0.3) น้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 0.3) และสินค้าปลีกทั่วไป (-ร้อยละ 0.2)ตามลำดับ

ส่วนกลุ่มเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

  1. ภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้

สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนกันยายน 2566 สุทธิทั้งสิ้น 61,542 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,885 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.92 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนกันยายน 2566 เป็นมูลค่า 261,113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,677 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.22 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

  • การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 176,747 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,341 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 84,367 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 338 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ถั่วเหลือง ข้าวโพด การบริการท่องเที่ยว และการบริการขนส่ง เป็นต้น

สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนกันยายน 2566 เป็นมูลค่า 322,656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,564 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.73 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

  • การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 263,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,039 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 59,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.63 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรศัทพ์เคลื่อนที่ รถยนต์ คอมพิวเตอร์ เครื่องบิน เครื่องจักร การบริการท่องเที่ยว และการบริการขนส่ง เป็นต้น

  1. ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย

ในเดือนกันยายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,154.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 17) ลดลงร้อยละ 5.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,153.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 15.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

  • สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 13) ลดลงร้อยละ 9.40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.89 ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 167.89 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 58.22 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.79 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.31

  • สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,500.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 25) เพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) เพิ่มขึ้นร้อยละ 472.14 น๊อต (HS Code 7318) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2,534.70 ชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ (HS Code 8708) เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.69 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ลดลงร้อยละ 21.93 และชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) ลดลงร้อยละ 10.41

มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

ในเดือนกันยายน 2566 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต.  ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,337.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 969.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.90 และรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 367.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.35 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 602.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

  • รัฐที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 396) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ15.24) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 13.70) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 10.84) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 8.21) ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 19.71 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 6.93 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 6.47 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 6.37 อุปกรณ์สำนักงาน (HS 8472) ร้อยละ 2.51 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 2.46 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 2.45 เลนส์แว่นตา (HS 9002) ร้อยละ 2.20 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.39 และนิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.30 ตามลำดับ
  • รัฐที่ส่งออกไปไทย ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 29.51) รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 19.29) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 13.23) รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 8.54) และรัฐวิสคอนซิน (ร้อยละ 7.17) ตามลำดับ โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ขี้แร่ (HS Code 2619) ร้อยละ 17.56 จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 14.19 โค้กและเซมิโค้กจากถ่านหิน (HS Code 2704) ร้อยละ 33 ทาร์จากถ่านหิน (HS Code 2708) ร้อยละ 7.16 เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 2.45 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 2.15 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 2.08 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 1.34 และไฮไดรด์ ไนไตรด์ อะไซด์ ซิลิไซด์ และบอไรด์ (HS Code 2850) ร้อยละ 1.07 ตามลำดับ

 

******************************

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

อ่านข่าวฉบับเต็ม : รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566

Login