หน้าแรกTrade insight > รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม 2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม 2566

  1. อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)

สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 2.1 และ รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9

 

แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เป็นผลมาจากการใช้จ่ายภาคประชาชนที่ยังคงมีแนวโน้มซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายตัวของการลงทุนคงคลังภาคเอกชน การส่งออก การใช้จ่ายรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และการลงทุนระยะยาวในที่อยู่อาศัย ในขณะที่ปัจจัยด้านการลงทุนระยะยาวไม่ใช่ที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง ประกอบกับแนวโน้มการนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีส่วนชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงดังกล่าว

 

สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2566

 

 

ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce

 

  1. อัตราการว่างงาน

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) คงที่ระดับเดียวกันกับเดือนที่ผ่านมาที่อัตราร้อยละ 3.8 และมีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 6.4 ล้านคนเท่ากับเดือนที่ผ่านมาด้วย

 

โดยในเดือนกันยายน 2566 สหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 336,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในรอบ 12 เดือนที่ 267,000 ตำแหน่ง

 

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 96,000 ตำแหน่ง การจ้างงานภาครัฐ 73,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 41,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 29,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 25,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า 9,000 ตำแหน่ง
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมสารสนเทศ 5,000 ตำแหน่ง
  • ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการค้าปลีก อุตสาหกรรมการเงิน และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

 

สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

 

 

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

 

  1. ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ที่อัตราร้อยละ 3.7 ไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) เท่ากับเดือนที่ผ่านมา

 

โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) กลุ่มสินค้าอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 กลุ่มอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ในขณะที่กลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวลดลงร้อยละ 0.5 รายละเอียด ดังนี้

 

3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 4.8) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 4.0) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 0.8) เนื้อสัตว์และไข่ (ร้อยละ 0.2) และผลิตภัณฑ์จากนม (-ร้อยละ 0.2)

3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 2.6) น้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 5.1) และก๊าซธรรมชาติ (-ร้อยละ 19.9)

3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 9.1) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 7.1) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 5.6) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 4.2) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 4.2) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 2.3) รถยนต์ใหม่ (+ร้อยละ 2.5) ส่วนรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 8.0) และบัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 13.4)

 

สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

 

 

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

 

  1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)

The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนตุลาคม 2566  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวลดลงจาก 104.3 ในเดือนกันยายน 2566 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เหลือ 102.6 ในเดือนตุลาคม 2566 ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 146.2 ในเดือนกันยาน 2566 เหลือ 143.1 ในเดือนตุลาคม 2566 และดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวลดลงจาก 76.4 ในเดือนกันยายน 2566 เหลือ 75.6 ในเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งต่ำกว่า 80.0 เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของโอกาสในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า โดยผู้บริโภคในตลาดมีความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้นซึ่งน่าจะส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

 

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม (สิงหาคม – ตุลาคม) เนื่องจากปัจจัยด้านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังคงกังวลต่อภาวะด้านการเมืองภายในประเทศ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการทำสงครามในเขตตะวันออกกลางด้วย

 

ที่มา: The Conference Board

 

  1. ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารรายเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้

 

  • มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.7 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 704,881 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 613,016 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 118, 024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ การค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (+ร้อยละ 3.0) รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (+ร้อยละ 1.0) น้ำมันเชื้อเพลิง (+ร้อยละ 0.9) การบริการร้านอาหาร (+ร้อยละ 0.9) สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.8) อาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.4) และสินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.4) ตามลำดับ

 

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (-ร้อยละ 0.8) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (-ร้อยละ 0.8) และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (-ร้อยละ 0.2) ตามลำดับ

 

ส่วนกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน และอุปกรณ์กีฬา ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

  1. ภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้

 

สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนสิงหาคม 2566 สุทธิทั้งสิ้น 58,303 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6,415 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 9.91 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนสิงหาคม 2566 เป็นมูลค่า 256,031 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,146 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.65 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

 

  • การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 171,511 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,103 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 84,519 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,043 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า อุปกรณ์เวชภัณฑ์ การบริการท่องเที่ยว และการบริการด้านการเงิน เป็นต้น

 

สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนสิงหาคม 2566 เป็นมูลค่า 314,333 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.72 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

 

  • การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 255,983 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 91 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 58,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เหล็กหล่อขึ้นรูป การบริการท่องเที่ยว และการบริการทางธุรกิจ เป็นต้น

 

 

 

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

 

  1. ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย

ในเดือนสิงหาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,191.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 18) ลดลงร้อยละ 8.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,197.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 24.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

  • สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 15) ลดลงร้อยละ 15.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.89 ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 201.41 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 64.59 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) ลดลงร้อยละ 6.46 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.71

 

ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนสิงหาคม 2566  

 

 

  • สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,496.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 23) เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) เพิ่มขึ้นร้อยละ 199.59 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.18 ชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ (HS Code 8708) ลดลงร้อยละ 5.53 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ลดลงร้อยละ 26.95 และเอนไซม์ (HS Code 3507) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4,271.18

 

ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนสิงหาคม 2566  

 

 

ที่มา: Global Trade Atlas

 

มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

 

ในเดือนสิงหาคม 2566 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต.  ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,360.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 932.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 21.37 และรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 428.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.43 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 503.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 38.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

  • รัฐที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 34.00) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 14.72) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ14.50) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 10.81) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 7.91) ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 16.69 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 7.85 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 00 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 5.41 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 2.79 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 2.78 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.82 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.40 เครื่องปั๊มอากาศ (HS Code 8414) ร้อยละ 0.94 และอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพ (HS Code 9032) ร้อยละ 0.83 ตามลำดับ

 

  • รัฐที่ส่งออกไปไทย ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 24.49) รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 17.68) รัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 17.58) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 14.01) และรัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 7.10) ตามลำดับ โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ขี้แร่ (HS Code 2619) ร้อยละ 16.74 ทาร์จากถ่านหิน (HS Code 2708) ร้อยละ 12.36 จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 169 โค้กและเซมิโค้กจากถ่านหิน (HS Code 2704) ร้อยละ 4.27 เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 1.87 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.47 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.43 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 1.40 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 1.14 และทองแดงบริสุทธิ์ (HS Code 7403) ร้อยละ 1.12 ตามลำดับ

 

สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

 

 

******************************

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

 

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login