หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > รถยนต์ของจีนพยายามสร้างชื่อเสียงในตลาดรถยนต์ของเวียดนาม

รถยนต์ของจีนพยายามสร้างชื่อเสียงในตลาดรถยนต์ของเวียดนาม

ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ในประเทศระบุว่า การที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ของเวียดนาม ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้บริโภคและคู่แข่งในเวียดนาม

ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์รถยนต์ของจีนเป็นทางเลือกมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคเวียดนาม และการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แบรนด์รถยนต์ของจีนเผชิญกับอุปสรรคบางประการจากผู้บริโภคในความกังวลต่อคุณภาพ และเทคโนโลยี ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดเวียดนาม โดยในระหว่างปี 2550-2552 ตลาดรถยนต์ของเวียดนามมีแบรนด์รถยนต์จีนเข้ามาเช่น Lifan และ Chery อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของทั้งสองแบรนด์ Lifan และ Chery ที่ผ่านมาทำให้ผู้บริโภคเวียดนามมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพ การออกแบบ และความปลอดภัยของรถยนต์จีนมากขึ้น

การที่รถยนต์จีนเข้ามาในเวียดนามด้วยการออกแบบที่น่าดึงดูดและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศและต่างประเทศ บริษัทรถยนต์ในเวียดนามจำเป็นปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน และปรับปรุงบริการ เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งและส่งเสริมการพัฒนาตลาดรถยนต์ของเวียดนาม

ผู้ประกอบการเวียดนามจำเป็นต้องมุ่งมั่นในความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจากแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ความนิยมจากผู้บริโภค ชาวเวียดนาม

นาย เหงียน ตั๋น (Nguyễn Tuấn) จากบริษัท Thiên An Phúc ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายรถยนต์กล่าวว่า เนื่องจากความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของแบรนด์รถยนต์จีนที่ต่ำ รถยนต์จีนมือสองจำนวนมากจึงมักจะลดราคาลงอย่างรวดเร็วและขายต่อได้ยาก ซึ่งเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ซื้อรถยนต์

ในเวียดนาม ผู้ผลิตรถยนต์ VinFast ได้พัฒนาระบบสถานีชาร์จที่มีพอร์ตชาร์จมากกว่า 150,000 จุดทั่วประเทศ การใช้แบตเตอรี่ลิเธียมออนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความสนใจอย่างมาก และ VinFast มุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งรวมถึงการผลิตซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล

ตั้งแต่ต้นปี 2566 ผู้ผลิตรถยนต์จีนได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเติบโตมากขึ้นในตลาดเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แบรนด์รถยนต์จีน เช่น Hongqi เข้าสู่ตลาดเวียดนามเมื่อต้นปี 2565 โดยมีรุ่นต่างๆ เช่น รถยนต์เบนซิน H9 และรถยนต์ไฟฟ้า E-HS9 โดย Haval ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Great Wall Motor Group ยังได้เปิดตัวแทนจำหน่ายและเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก Haval H6 ในเดือนสิงหาคมปี 2566 MG ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ของอังกฤษและในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Shanghai Automobile Industry (SAIC Motor) ซึ่งกลับมาจำหน่ายในตลาดเวียดนามผ่านผู้จัดจำหน่ายในมาเลเซีย (Tan Chong Motor Holdings Bhd) ในปี 2563 โดย MG ได้เปิดตัวแทนจำหน่ายในหลายจังหวัดและเมืองต่างๆ ในเวียดนาม บริษัทยังทำแผนการลงทุนในโรงงานประกอบรถยนต์ในเวียดนามอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ยังค่อนข้างน้อย และแผนการสร้างโรงงานประกอบยังไม่มีการอนุมัติ

บริษัท TMT Automobile JSC (TMT Motors) ยังได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Wuling Hongguang Mini ในเวียดนามด้วยราคาตั้งแต่ 239 ล้านด่ง ถึง 282 ล้านด่ง ในเดือนมิถุนายน 2566

                                         (จาก https://vietnamnews.vn/)

ข้อคิดเห็น สคต

จีนเป็นประเทศอยู่อันดับที่ 3 ในการส่งออกรถยนต์มายังเวียดนาม โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 มีการส่งออกมากกว่า 6,420 คัน มูลค่า 250.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2566 เวียดนามนำเข้าจากจีนจำนวน 591 คัน มูลค่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่ผ่านด่านชายแดนลางเซิน โดยในประเทศจีน มีแบรนด์รถยนต์ประมาณ 10 แบรนด์ และมี 7 – 8 แบรนด์ที่มีจำหน่ายในเวียดนาม ได้แก่ Geely, Great Wall, SAIC, Chery, FAW, Dongfeng, BYD เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ยอดขายอยู่ระดับปานกลางเท่านั้น และจัดจำหน่ายผ่านบริษัทขนาดเล็ก และยังไม่มีตัวแทนขนาดใหญ่      รถยนต์จีนได้เข้าเจาะตลาดเวียดนาม 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างปี 2550 ถึง 2552 และครั้งที่ 2 ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน แม้จะอยู่ในระยะเดียวกับรถยนต์เกาหลี แต่รถยนต์ที่ผลิตในจีนไม่ได้รับความไว้วางใจจากชาวเวียดนาม ในเดือนสิงหาคม 2566 รถยนต์ทุกประเภทจากจีนได้รับการจดทะเบียนศุลกากรเพื่อไปยังเวียดนามจำนวน 566 คัน การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์จีนกับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศและต่างประเทศจะยังคงทำให้ตลาดรถยนต์ของเวียดนามมีความหลากหลายมากขึ้นในแง่ของตัวเลือกและราคา ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคจะต้องระมัดระวังและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับคุณภาพและความคุ้มค่าสูงสุดในการเลือกซื้อ ซึ่งสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญเกี่ยวกับแผนการปล่อยคาร์บอนถึงเพดานสูงสุด ในขณะนี้ จีนได้กลายเป็นประเทศผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปี 2566 จีนกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้าญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบสำหรับผู้ประกอบการไทยในการส่งออกรถยนต์ไปยังเวียดนาม ไม่ว่าจะต้องแข่งขันและเสียส่วนแบ่งตลาดกับจีน และในเวียดนามเองมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ร้อยละ 50 สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศอีกด้วย

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login