หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > รถจักรยานไฟฟ้าตัวเลือกใหม่ของผู้บริโภคชาวเยอรมัน

รถจักรยานไฟฟ้าตัวเลือกใหม่ของผู้บริโภคชาวเยอรมัน

ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า รถจักรยานกลายมามีบทบาทมากขึ้นกับผู้บริโภค ร้านขายจักรยานแทบจะมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ ปัจจุบันอุตสาหกรรม    และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยาน และรถจักรยานไฟฟ้าได้ฟื้นตัวและกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

นาย Burkhard Stork จากสมาคมอุตสาหกรรมจักรยานแห่งประเทศเยอรมนี (ZIV) กล่าวว่า “นี่เป็นชัยชนะของจักรยานไฟฟ้า และเราไม่สามารถหยุดยั้งได้” ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้บริโภคมักจะเลือกซื้อรถจักรยานไฟฟ้าเป็นรถจักรยานคันที่สองของพวกเขา จักรยานที่มีมอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีราคาแพงกว่าจักรยานแบบธรรมดาเป็นอย่างมาก ขณะที่จักรยานธรรมดามีราคาเฉลี่ย 500 ยูโร แต่จักรยานไฟฟ้ามีราคาเฉลี่ยถึง 2,800 ยูโรต่อคัน

การขับขี่รถจักรยานไฟฟ้าในประเทศเยอรมนีนั้น ผู้ขับไม่ต้องมีใบขับขี่ ไม่มีกฎระเบียบชัดเจนว่าต้องสวมหมวกกันน็อค และสวมอุปกรณ์ป้องกัน อีกทั้งจักรยานไฟฟ้านั้น สามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำนักงานสถิติแห่งสหพันธรัฐเยอรมนีประเมินสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของรถจักรยานไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนปี 2565 พบว่ารถจักรยานไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงกว่าจักรยานที่ไม่มีมอเตอร์ และอุบัติเหตุที่พบก็มักจะร้ายแรงกว่าอุบัติเหตุที่เกิดกับจักรยานที่ไม่มีมอเตอร์ ในปี 2564 ประเทศเยอรมนีมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจักรยานไฟฟ้า 131 ราย ซึ่งหนึ่งในสามของอุบัติเหตุจักรยานไฟฟ้าไม่มีคู่กรณีเกี่ยวข้อง นี่แสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถควบคุมการเกิดอุบัติเหตุทางจักรยานไฟฟ้าได้ แต่กระนั้นจำนวนความต้องการรถจักรยานไฟฟ้าก็ยังมีมาก

ปี 2565 มีจำนวนจักรยานที่ถูกขายในประเทศมากกว่า 7 ล้านคัน และทำยอดขายรวมประมาณ 7,400 ล้านยูโร ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อจักรยานคันใหม่เป็นจักรยานไฟฟ้า ซึ่งส่วนมากมีราคาแพง โดยปกติแล้ว คนที่ขับขี่จักรยานในประเทศก็มักจะมีจักรยานมากกว่าหนึ่งคัน

นาง Anke Schäffner จากสมาคมอุตสาหกรรมจักรยานแห่งเยอรมนี (ZIV) บอกว่า การซื้อรถจักรยานคันที่สองเป็นรถจักรยานไฟฟ้านั้น ถือเป็นเทรนด์ที่ชัดเจน สามในสี่ของร้านขายจักรยานมักจะมีพนักงานขายที่มีความชำนาญเฉพาะด้านคอยให้บริการลูกค้า ส่วนร้านค้าจักรยานออนไลน์ และซูปเปอร์มาร์เก็ต ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดนี้เพียงเล็กน้อย

ในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าร้านขายและซ่อมจักรยาน ต่างประสบปัญหาการมีสินค้าไม่เพียงพอ หรือไม่มีสินค้าให้ลูกค้า นานหลายเดือน ทั้งนี้เป็นผลมาจากห่วงโซ่อุปทานเกิดการชะงัก การป่วยของพนักงานในร้าน และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของโรค จึงทำให้สินค้าขาดตลาดและไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 ปัญหาที่กล่าวข้างต้นเริ่มคลี่คลาย ผู้ผลิตสามารถส่งสินค้าได้เหมือนเดิม และจากข้อมูลของ ZIV ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีจักรยานกว่า 820,000 คันอยู่ในโกดังของผู้แทนจำหน่ายที่รอผู้ซื้ออยู่

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งสหพันธรัฐ แสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 80 ของครัวเรือนในประเทศเยอรมนีมีจักรยานอย่างน้อยหนึ่งคันในครัวเรือน หนึ่งในสามของคนเยอรมันมักใช้รถจักรยานเป็นพาหนะในชีวิตประจำวัน และนับเป็นชาติที่มีการใช้จักรยานอยู่มาก ตามข้อมูลของ Eurostat ส่วนประเทศที่มีการใช้จักรยานกันอย่างแพร่หลายอย่างเนเธอร์แลนด์นั้น มีอัตราส่วนผู้ใช้จักรยานเป็นพาหนะประจำวันถึงร้อยละ 61 ซึ่งนี่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมจักรยานในประเทศเยอรมนีเป็นอย่างมาก โดยเยอรมนีส่งออกจักรยานไปยังเนเธอร์แลนด์มากกว่าร้อยละ 20 ส่วนรถจักรยานไฟฟ้าก็ถูกส่งออกถึงร้อยละ 25 นาย Burkhard Stork กล่าวเสริมว่า เยอรมนีเป็นตลาดการผลิตจักรยานที่สำคัญ แต่ผู้ผลิตเหล่านี้ก็ผลิตเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น

บริษัทที่ผลิตจักรยานราคาย่อมเยาว์ในประเทศเยอรมนี ต่างพากันยุติกิจการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันรถจักรยานราคาถูกในประเทศถูกนำเข้ามาจากเอเชีย ปี 2565 ประเทศเยอรมนีมีการนำเข้าจักรยานถึง 3.1 ล้านคัน และนำเข้าจักรยานไฟฟ้าถึง 2.2 ล้านคัน ในทางกลับกัน ผู้ผลิตในเยอรมนีส่งออกจักรยานเพียงหนึ่งล้านคัน และจักรยานไฟฟ้าเพียง 770,000 คันเท่านั้น

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานจากเครือข่ายบรรณาธิการเยอรมนี (RND) ว่า นาย Volker Wissing รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี (BMDV) ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้จักรยานและรถสาธารนะมากขึ้น และเร่งให้มีการสร้างโรงจอดรถจักรยานตามสถานีรถไฟ และตามป้ายหยุดรถสาธารณะต่างๆทั่วประเทศ โดยรัฐบาลมีงบลงทุน 110 ล้านยูโร และให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ผู้คนจะหันมาใช้จักรยานและรถสาธารณะบ่อยขึ้น หากมีที่จอดจักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าเพียงพอและปลอดภัยตามสถานีรถไฟ หรือตามป้ายหยุดรถสาธารณะ

ณ สถานีรถไฟในเมือง Nürnberg มีการก่อสร้างอาคารจอดรถจักรยานทำมาจากเหล็กที่มีความแข็งแรง มีหลังคาปกคลุม เพื่อป้องกันการขโมยและสภาพลม ฟ้า อากาศที่แปรปรวน สำหรับจักรยานทุกคันจะมีราวเหล็กเพื่อใช้คล้องกับสายหรือที่ล็อกจักรยาน สำหรับผู้ใช้จักรยานไฟฟ้าสามารถชาร์จแบตเตอร์รี่ในตู้ล็อกเกอร์ที่มีฝาปิดแน่นหนาได้ การซ่อมจักรยานเล็กๆน้อยๆ ก็จะมีเครื่องมือที่ใช้ซ่อมจักรยานแขวนไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อไว้บริการ ส่วนการจะเข้าไปในโรงจอดรถจักรยานได้นั้น  ต้องซื้อตั๋วเข้าก่อน

ค่าจอดรถจักรยานที่นี่ราคาเพียงแค่ 7 ยูโรต่อเดือน และจะยิ่งถูกลงเมื่อซื้อตั๋วรายปี  นาย Oliver Preusche ผู้ใช้บริการโรงจอดรถจักรยานแห่งนี้ กล่าวว่า เขารู้สึกดีและปลอดภัยกับที่จอดรถจักรยาน เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยถูกขโมยจักรยานที่สถานีรถไฟมาแล้วถึงสองครั้ง จากสถิติการใช้ที่จอดจักรยานที่ผ่านมา พบว่าในช่วงหน้าร้อนจะมีปริมาณผู้ใช้บริการอย่างเนืองแน่น  นาย Markus Stipp จากชมรมจักรยาน ADFC เชื่อว่า  การสร้างอาคารจอดรถจักรยานนี้จะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของระบบการจราจรของเยอรมัน ปัจจุบันจักรยานต่างๆเริ่มมีมูลค่ามากขึ้น โดยเฉพาะจักรยานไฟฟ้า บางคันมีมูลค่าหลายพันยูโร ซึ่งควรเก็บหรือจอดในที่ที่ปลอดภัย อาคารจอดรถจักรยานนี้จึงตอบโจทย์ผู้ใช้เป็นอย่างมาก

นาย Wissing กล่าวว่า จักรยานอาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางจากบ้านไปยังสถานีขนส่งสาธารณะในเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 จะเริ่มมีการใช้ตั๋วรายเดือน 49 ยูโร สำหรับการเดินทางในท้องถิ่นที่ใช้ได้ทั่วประเทศเยอรมนี และเป็นไปได้ว่าแนวโน้มในการใช้จักรยานและการใช้บริการรถสาธารณะอาจจะเพิ่มขึ้น การมีที่จอดรถจักรยานที่ดีและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ใช้บริการ

Tagesschau, Bayerischer Rundfunk

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login