หน้าแรกTrade insight > ยอดขายสินค้าเครื่องประดับมีแนวโน้มขยายตัวช่วงเทศกาลวันแม่ – สคต. ชิคาโก

ยอดขายสินค้าเครื่องประดับมีแนวโน้มขยายตัวช่วงเทศกาลวันแม่ – สคต. ชิคาโก

“ปีนี้คาดว่าชาวอเมริกันจะเลือกซื้อเครื่องประดับเป็นของขวัญสำหรับเทศกาลวันแม่สูงที่สุดเป็นมูลค่าราว 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”

แม้ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อในตลาดที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงรวมถึงการจ้างงานในตลาดที่ชะลอตัวลงซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาคประชาชน แต่ปัจจัยดังกล่าวกลับไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ โดยรวมคาดว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดจะยังคงมีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อเลือกซื้อของขวัญสำหรับวันแม่เพิ่มขึ้นและจะทำสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาด้วย โดยกลุ่มสินค้าเครื่องประดับน่าจะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อและมียอดจำหน่ายสูงสุดในตลาดปีนี้

วันแม่ (ทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566) ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผู้ค้าปลีกตามห้างร้านและช่องทางออนไลน์ต่างนิยมจัดเตรียมโปรโมชั่นพิเศษให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าและบริการสำหรับมอบเป็นของขวัญเพื่อแสดงความรักแก่คนพิเศษและเพิ่มยอดจำหน่ายให้กับกิจการ

ทั้งนี้ สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (The National Retail Federation หรือ NRF) ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดจำนวนทั้งสิ้น 8,164 รายระหว่างวันที่ 3 – 11 เมษายนเพื่อสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคและแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการสำหรับช่วงเทศกาลวันแม่ในสหรัฐฯ ปีนี้ โดยพบว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญสำหรับวันแม่เพิ่มขึ้นราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.62) จากเดิมมูลค่าทั้งสิ้น 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมาเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ อีกทั้ง ยังพบว่า ชาวอเมริกันราวร้อยละ 84 วางแผนที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลวันแม่ในปีนี้ด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันวางแผนที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการสำหรับเทศกาลดังกล่าวเฉลี่ย 274.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในปีนี้ (ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.50) ซึ่งถือเป็นยอดใช้จ่ายสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยมีการเก็บข้อมูลสถิติมาด้วย โดยกลุ่มผู้บริโภคอายุระหว่าง 35 – 44 เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้จ่ายเงินสำหรับช่วงเทศกาลดังกล่าวสูงสุดเฉลี่ย 382.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน

ของขวัญที่ชาวอเมริกันนิยมเลือกซื้อในช่วงเทศกาลวันแม่ ได้แก่ ดอกไม้ การ์ดอวยพร ช็อคโกแล็ต เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า การรับประทานอาหารนอกบ้าน เป็นต้น โดยปีนี้ยอดจำหน่ายของขวัญสำหรับวันแม่มีแนวโน้มขยายตัวทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้า ซึ่งมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของตลาดค้าปลีกสหรัฐฯ

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามมูลค่ายอดจำหน่าย/ยอดใช้จ่ายคาดว่า สินค้าเครื่องประดับจะมียอดจำหน่ายสูงที่สุดในตลาดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.43) รองลงมา ได้แก่ การทำกิจกรรมนอกบ้านมูลค่าทั้งสิ้น 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่าทั้งสิ้น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ผู้บริโภคร้อยละ 46 สนใจเลือกซื้อสินค้าระบบสมาชิก (Subscription Boxes) เพื่อมอบเป็นของขวัญสำหรับวันแม่ (เดิมร้อยละ 39 ในปีที่ผ่านมา)
  • สินค้าของขวัญที่สร้างประสบการณ์ให้กับผู้รับ (Gift of Experience) ได้รับความสนใจมากขึ้นในตลาด โดยหนึ่งในสามของผู้บริโภคที่วางแผนฉลองเทศกาลวันแม่สนใจวางแผนเลือกซื้อของขวัญกลุ่มนี้
  • ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการคัดเลือกของขวัญที่เหมาะสม โดยผู้บริโภคร้อยละ 47 ให้ความสำคัญกับการเลือกของขวัญที่พิเศษแตกต่างจากของขวัญทั่วไป และร้อยละ 42 ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อของขวัญที่จะสร้างความทรงจำพิเศษสำหรับผู้รับ
  • ผู้บริโภคส่วนใหญ่ร้อยละ 57 เลือกซื้อของขวัญเพื่อมอบให้แม่หรือแม่เลี้ยง ร้อยละ 23 เลือกซื้อของขวัญเพื่อมอบให้ภรรยา และร้อยละ 12 เลือกซื้อของขวัญเพื่อมอบให้บุตรสาวอเมริกันในตลาดหันไปเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้ามากขึ้นในปีนี้

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

การใช้จ่ายภาคประชาชนถือเป็นหัวใจสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากมีโครงสร้างสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ ทั้งหมด ทั้งนี้ การเลือกซื้อของขวัญและเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันใช้จ่ายและก่อให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะเทศกาลเปิดภาคการศึกษาซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวอเมริกันมียอดใช้จ่ายสูงที่สุดในแต่ละปี รองลงมา ได้แก่ เทศกาลวันหยุดปลายปี เทศกาลวันแม่ และเทศกาลวันอีสเตอร์ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา อีกทั้ง ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในตลาดต่างบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ อาจจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังไม่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคชาวอเมริกันในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากนัก ผู้บริโภคในตลาดยังใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่อเนื่อง (ยกเว้น สินค้าขนาดใหญ่ เช่น บ้าน รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่) โดยแนวโน้มดังกล่าวยังรวมถึงการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการสำหรับให้เป็นของขวัญเนื่องในวันแม่และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องประดับซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพของไทยในตลาดสหรัฐฯ

โดยในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องประดับเป็นมูลค่าทั้งสิ้น  1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 15.04  โดยนำเข้าหลักจากอินเดีย (ร้อยละ 15.82) แคนาดา (ร้อยละ 10.42) อิสราเอล (ร้อยละ 8.17) เม็กซิโก (ร้อยละ7.14) และอัฟริกาใต้ (ร้อยละ 6.78) ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยนั้นส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 343.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 12) เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.16 สวนทางกับคู่แข่งในตลาด โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อัญมณีและหินสี ตัวเรือนเครื่องประดับ และเครื่องประดับเทียม เป็นต้น

ปัจจัยด้านการขยายตัวของยอดใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันแม่ยังเป็นโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าไทยในกลุ่มของขวัญของชำร่วย รวมถึงบรรจุภัณฑ์กล่องของขวัญ วัสดุอุปกรณ์สำหรับตกแต่ง และบัตรอวยพรต่างๆ ด้วย อีกทั้ง แนวโน้มดังกล่าวยังน่าจะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดสำหรับช่วงเทศกาลอื่นๆ ที่กำลังจะมาถึง เช่น วันพ่อ การจบภาคการศึกษา วันชาติ ฮัลโลวีน และวันคริสต์มาส เป็นต้น จึงน่าจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลเหล่านั้นด้วย

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดส่งออกสินค้าเพื่อทำตลาดในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ควรพิจารณาศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละเทศกาลเพื่อปรับสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เช่น เทศกาลวันแม่ผู้บริโภคสนใจเลือกซื้อสินค้าสีสันสดใส อาทิ ส้ม ชมพู ฟ้า ม่วง รวมถึงสินค้าที่มีการแสดงคำที่สื่อถึงเทศกาล “Mom” และการสลักชื่อ (Name Customized Gifts) เป็นต้น นอกจากนี้ การเลือกพัฒนาสินค้าของขวัญของชำร่วยที่สามารถสร้างประสบการณ์หรือการมีส่วนร่วมให้กับผู้รับก็น่าจะได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้นได้ด้วย โดยปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นโอกาสในการผลักดันสินค้ากลุ่มชีวภาพ หมุนเวียน สีเขียว (Bio-Circular-Green หรือ BCG) ของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีความสนใจเลือกซื้อสินค้ากลุ่มนี้มากเป็นพิเศษด้วย อีกทั้ง ยังควรพิจารณาเตรียมความพร้อมและสร้างโอกาสเจรจาการค้ากับผู้นำเข้าศักยภาพรายสำคัญทั้งผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญในประเทศและต่างประเทศในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งโดยปกติ ผู้นำเข้ามักจะเริ่มสั่งซื้อสินค้าอย่างน้อย 3 – 6 เดือนล่วงหน้าก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีสินค้าพร้อมจำหน่ายในช่วงเทศกาล

นอกจากนี้ แนวโน้มขยายตัวของการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันแม่รวมถึงความสนใจเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เสริมสร้างประสบการณ์ยังน่าจะเป็นโอกาสในการผลักดันตลาดกลุ่มธุรกิจบริการนวดไทยและบริการร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ด้วย ดังนั้น การพิจารณาเลือกดำเนินโครงการ/กิจกรรมประชาสัมพันธ์กลุ่มธุรกิจให้บริการนวดไทยและร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในช่วง ดังกล่าวน่าจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ/กิจกรรมมากขึ้นได้

“ตัวอย่างสินค้าเครื่องประดับของขวัญวันแม่ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในตลาด

ที่มา: National Jeweler

********************************

ที่มา:

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login