หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > ยอดขายรถยนต์ฟิลิปปินส์เดือน ก.ย. 66 โตร้อยละ 9.5

ยอดขายรถยนต์ฟิลิปปินส์เดือน ก.ย. 66 โตร้อยละ 9.5

                   ข้อมูลล่าสุดจากหอการค้าผู้ผลิตยานยนต์แห่งฟิลิปปินส์ (Chamber of Automotive Manufacturers of the Philippines, Inc: CAMPI) และสมาคมผู้ผลิตรถบรรทุก (Truck Manufacturers Association: TMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 38,628 คัน เติบโตร้อยละ 9.5จากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 35,282 คัน ถือเป็นการสิ้นสุดของการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักติดต่อกันและนับเป็นอัตราเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 19 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.2 ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายน 2566 แสดงให้เห็นว่ารถยนต์เพื่อการพาณิชย์คิดเป็น 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมด โดยยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีจำนวน 29,070 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 จากจำนวน 27,306 คัน ในเดือนกันยายน 2565 และ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2จากเดือนสิงหาคม 2566 ที่มียอดจำหน่าย 26,620 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก(Light commercial vehicle) จำนวน 23,098 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 รถยนต์อเนกประสงค์ในเอเชีย(Asian Utility Vehicles) จำนวน 4,955 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 รถบรรทุกขนาดกลางจำนวน 325 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 และรถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวน 81 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ตามลำดับ สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนกันยายน 2566 มีจำนวน 9,558 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.8 จากเดือนกันยายน 2565 ที่มีจำนวน 7,976 คัน แต่ลดลงร้อยละ 5.31 จากเดือนสิงหาคม 2566 ที่มียอดขาย 10,094 คัน

                    สำหรับยอดขายรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (เดือนมกราคม – กันยายน) มีจำนวน 314,843 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 248,154 แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จำนวน 234,834 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.8 และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 80,009 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 โดยบริษัท Toyota Motor Philippines ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 45.81 มียอดขาย 144,232 คัน(เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5) รองลงมาได้แก่ บริษัท Mitsubishi Motors Philippines Corp. จำนวน 58,065 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.2) บริษัท Ford Motor Co. Phils., Inc. จำนวน 23,091 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.2) บริษัท Nissan Philippines, Inc.จำนวน 20,037 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7) และบริษัท Suzuki Phils., Inc. จำนวน 13,490 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8) ตามลำดับ

               นายรอมเมล อาร์. กูติเอร์เรซ ประธาน CAMPI กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายน 2566 ถือเป็นการสิ้นสุดของการเติบโตด้วยเลขสองหลักและขยายตัวอ่อนแอที่สุดในรอบ 19 เดือน แต่ยอดขายยังคงเติบโตเชิงบวก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากแคมเปญส่งเสริมการขายและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และจากตัวเลขในรอบ 9 เดือนของปีนี้ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยังคงฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปีนี้และคาดหวังแนวโน้มผู้บริโภคเชิงบวกจะคงอยู่ในไตรมาสที่ 4 ต่อไป ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์มีความยืดหยุ่นมาตั้งแต่ปี 2564และแนวโน้มในปัจจุบันบ่งชี้ว่าตลาดรถยนต์จะทำลายสถิติยอดขายสูงสุดก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ และบรรลุการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบในปี 2566 และเมื่อเดือนที่ผ่านมา สมาคม CAMPI ได้ปรับเป้าหมายยอดขาย ปี 2566 เป็น 423,000 คันจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 395,000 คันก่อนหน้านี้ หากสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้จะส่งผลยอดขายปี 2566 สูงกว่ายอดขายในปี 2565 ที่มีจำนวน 352,596 คัน ถึงร้อยละ 20

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World

บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

แม้ว่าตัวเลขยอดขายรถยนต์ของฟิลิปปินส์ในเดือนกันยายน 2566 จะเติบโตเพียงร้อยละ 9.5 จากการเติบโตตัวเลขสองหลักมาเป็นเวลา 19 เดือน แต่ยอดขายรถยนต์ใหม่ในฟิลิปปินส์ยังคงสามารถเติบโตเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่อง และตัวเลขการเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถขยายตัวถึงร้อยละ 26.9สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการรถยนต์ใหม่ในฟิลิปปินส์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกรถยนต์สำคัญอันดับ 2 ของไทยรองจากประเทศออสเตรเลีย และเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกมายังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1 โดยในปี 2566 (เดือนมกราคม – กันยายน) ไทยส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบมายังฟิลิปปินส์มูลค่า 1,829.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.62 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 1,379.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและสามารถเติบโตได้อีกมากจากปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนประชากรขนาดใหญ่ อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้ง ปัจจัยหนุนอื่นๆ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของฟิลิปปินส์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อาจทำให้ประชาชนชะลอการใช้จ่ายออกไป โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งผู้ประกอบการไทยปรับแผนกลยุทธ์รองรับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

———————————————————-

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

3 พฤศจิกายน 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login