ที่มา : สำนักข่าว Bernama
กระทรวงการคลังของมาเลเซียกล่าวว่า รัฐบาลและธนาคาร Negara Malaysia (BNM) ยังคงใช้มาตรการแก้ไขต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าของริงกิตให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงสร้างความมั่นใจว่าตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในมาเลเซียยังคงเป็นระเบียบ รวมถึงการแทรกแซงเพื่อจำกัดความผันผวนของค่าเงินที่มากเกินไป
กระทรวงยังกล่าวว่า จะติดตามการแปลงรายได้จากการส่งออกเป็นริงกิตของบริษัทส่งออก นอกเหนือจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของการสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการชำระหนี้การส่งออก เพื่อลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และดำเนินการและประสานงานเพื่อเพิ่มการไหลเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าริงกิต
กระทรวงการคลังตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลพยายามสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (government-linked companies : GLC) และบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (government-linked companies : GLC) เพื่อสนับสนุนให้พวกเขานำรายได้กลับเข้ามาในประเทศจากการลงทุนในต่างประเทศ เช่น repatriation (การส่งตัวกลับประเทศ) เป็นต้น และแปลงรายได้นั้นเป็นริงกิตอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังควบคุมการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทเอกชน รวมถึงส่งเสริมให้พวกเขาจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนในประเทศและชะลอการลงทุนใหม่ในต่างประเทศ โดยการลงทุนในต่างประเทศที่ดำเนินการ จำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ เช่น Hedging (การป้องกันความเสี่ยง) ของสกุลเงินต่างประเทศ หรือการนำผลการลงทุนจากต่างประเทศกลับมา เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินริงกิต
กระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รัฐบาลยังคงให้คำมั่นและมุ่งเน้นในการดำเนินนโยบาย เชิงโครงสร้างเพื่อเสริมสร้างมูลค่าเงินริงกิตในระยะยาว รวมถึงนโยบายเพื่อปรับปรุงสภาพการลงทุนและผลผลิตของมาเลเซียผ่านการดำเนินการตามนโยบายการลงทุนใหม่ของมาเลเซีย (new investment policy : NIP) ตามแนวทางกรอบเศรษฐกิจ MADANI (แนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาส่งเสริมสร้างสรรค์ให้กับสังคมและชุมชนท้องถิ่น โดยทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นมีประโยชน์สูงสุดและส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาวของสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆ)
นอกจากนี้ รัฐบาลจะใช้นโยบายเชิงโครงสร้างที่สามารถเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถในการแข่งขันเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลเข้าและการลงทุนจากต่างประเทศที่มีคุณภาพโดยการเน้นย้ำอยู่ที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ในการกำหนดเป้าหมายทางการเงินในอนาคตผ่านพระราชบัญญัติการคลังและความรับผิดชอบต่อการคลังปี 2023 (พระราชบัญญัติ 850)
บทวิเคราะห์ผลกระทบ
ผลกระทบของมาตรการและนโยบายทางการคลังของมาเลเซีย อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจไทยคือ การควบคุมและการแทรกแซงของรัฐบาลและธนาคาร Negara Malaysia (BNM) เพื่อจำกัดความผันผวนของค่าเงินที่มากเกินไป อาจส่งผลให้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในมาเลเซียมีความมั่นคงและเสถียรมากขึ้น ทำให้บริษัทไทยที่มีกิจการในมาเลเซียหรือทำธุรกิจกับมาเลเซียมีความมั่นใจในการแลกเปลี่ยนเงินตราและการทำธุรกิจอื่นๆ ในประเทศนี้มากขึ้น นอกจากนี้การเพิ่มมูลค่าริงกิตอาจส่งผลให้ธุรกิจส่งออกจากประเทศมาเลเซียมีความแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ตลาดส่งออกไทยได้รับประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่าริงกิต
ในการทำธุรกิจกับมาเลเซีย โดยเฉพาะในการส่งออกสินค้าและบริการ
ความคิดเห็น สคต.
ผลกระทบของมาตรการและนโยบายทางการคลังของมาเลเซียมีผลต่อธุรกิจไทยและนักลงทุนไทยคือการสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการชำระหนี้การส่งออกของมาเลเซีย ทำให้การค้าส่งไทย ได้รับประโยชน์โดยตรง โดยการลดความพึงพาในการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ธุรกิจส่งออกไทยมีความสะดวกสบายในการทำธุรกิจกับมาเลเซีย อีกทั้งการสนับสนุนให้บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (GLC) และการส่งเสริมให้บริษัทนำรายได้กลับมาในประเทศจากการลงทุนในต่างประเทศอาจสร้างโอกาสให้กับธุรกิจไทยที่มีความสัมพันธ์กับ GLC และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ GLC ในการทำธุรกิจหรือร่วมมือกันในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในมาเลเซีย ทำให้ธุรกิจไทยอาจมีโอกาสในการสร้างพันธมิตรกับธุรกิจในมาเลเซียในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการทำธุรกิจร่วมกันในการลงทุน การค้าส่ง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความมั่นคงและการเพิ่มมูลค่าริงกิตในมาเลเซียในระยะยาว นอกจากนี้การเพิ่มมูลค่า ริงกิตอาจส่งผลให้ธุรกิจส่งออกจากประเทศมาเลเซียมีความแข็งแกร่งขึ้น อาจส่งผลให้ตลาดส่งออกไทยได้รับประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่าริงกิตในการทำธุรกิจกับมาเลเซีย โดยเฉพาะในการส่งออกสินค้าและบริการ
อ่านข่าวฉบับเต็ม : มาตรการสร้างความแข็งแกร่งให้ค่าเงินริงกิต