หน้าแรกTrade insight > ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2565

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2565

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2565

                       การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2565 มีมูลค่า 23,632.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (861,169 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 7.5 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 10.1 การส่งออกในเดือนสิงหาคมขยายตัวได้ดีจากสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูปที่มีความต้องการสูง เช่น อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวสูงอีกครั้งหลังชะลอตัวในเดือนก่อน จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการที่กลับมาขยายตัว ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก อาทิ ภาวะเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อทั่วโลกชะลอตัว ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนจากวิกฤตด้านอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาการขาดแคลนพลังงานในสหภาพยุโรป เป็นต้น ทั้งนี้ การส่งออกไทย 8 เดือนแรก ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 11.0 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 8.5

มูลค่าการค้ารวม

  • มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนสิงหาคม 2565
    การส่งออก มีมูลค่า 23,632.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 27,848.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.3
    ดุลการค้า ขาดดุล 4,215.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ขณะที่ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม – สิงหาคม)
    การส่งออก มีมูลค่า 196,446.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.0
    การนำเข้า มีมูลค่า 210,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.4
    ดุลการค้า ขาดดุล 14,131.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

  • มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนสิงหาคม 2565
    การส่งออก มีมูลค่า 861,169 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 1,026,654 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 35.5
    ดุลการค้าขาดดุล 165,485 ล้านบาท

    ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม – สิงหาคม)
    การส่งออก มีมูลค่า 6,635,446 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 21.9
    การนำเข้า มีมูลค่า 7,218,870 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 33.4
    ดุลการค้า ขาดดุล 583,424 ล้านบาท

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

                       มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 4.6 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 21 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 15.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก สหรัฐฯ แคนาดา มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์) น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 173.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และไต้หวัน) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 18.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และซาอุดีอาระเบีย) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 125.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 25.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 36 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 9.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน กัมพูชา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 14.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน รัสเซีย ออสเตรเลีย แคนาดา และไต้หวัน) เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 14.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา จีน ลาว และมาเลเซีย) ไอศกรีม ขยายตัวร้อยละ 71.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 27 เดือน (ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย สหรัฐฯ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนาม) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา หดตัวร้อยละ 2.8 กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และบราซิล แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ อินเดีย สเปน เยอรมนี และสโลวีเนีย) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 63.8 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐฯ และฮ่องกง แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แคนาดา ฟิลิปปินส์ อินเดีย และไต้หวัน) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 15.2 (YoY)

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

                       มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.2 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 22.5 กลับมาขยายตัวในรอบ 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 31.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร และเบลเยียม) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 25.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 21 เดือน (ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 15.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 61.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม และสิงคโปร์) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 32.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา กัมพูชา และแคนาดา) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 53.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 29.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสโลวัก) ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวร้อยละ 11.4 หดตัวในรอบ 19 เดือน (หดตัวในตลาดจีน กัมพูชา อินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และเมียนมา)ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัวร้อยละ 0.2 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเยอรมนี แต่ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.0 (YoY)

ตลาดส่งออกสำคัญ

                       การส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญยังคงมีความไม่แน่นอน ท่ามกลางความเสี่ยงที่กดดันภาวะเศรษฐกิจการค้าโลก อาทิ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวในหลายประเทศ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดในจีน ซึ่งล้วนส่งผลต่ออุปสงค์จากประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 8.3 โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 16.3 อาเซียน (5) ร้อยละ 5.8 CLMV ร้อยละ 41.1 และสหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 19.0 ญี่ปุ่นกลับมาขยายตัวร้อยละ 6.6 ขณะที่จีน หดตัวร้อยละ 20.1 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 6.9 ขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 19.0 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 38.4 และลาตินอเมริกา ร้อยละ 27.4 ขณะที่เอเชียใต้ ทวีปแอฟริกา และรัสเซียและกลุ่ม CIS หดตัวร้อยละ 2.1 ร้อยละ 10.1 และร้อยละ 21.6 ตามลำดับ (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 40.3 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ หดตัวร้อยละ 40.1

                       ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 16.3 (ขยายตัวต่อเนื่อง 27 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 17.8

                       ตลาดจีน หดตัวร้อยละ 20.1 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 หดตัวร้อยละ 5.0

                       ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 6.6 (กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่แปรรูป น้ำมันสำเร็จรูป ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.2

                       ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 5.8 (ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 21.8

                       ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 41.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 14.8

                       ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 19.0 (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 7.5

                       ตลาดเอเชียใต้ หดตัวร้อยละ 2.1 (หดตัวในรอบ 19 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องยนต์สันดาปภายในฯ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 28.6

                       ตลาดทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวร้อยละ 19.0 (ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.9

                       ตลาดตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ 38.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 24.2

                       ตลาดทวีปแอฟริกา หดตัวร้อยละ 10.1 (หดตัวในรอบ 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ข้าว เครื่องยนต์สันดาปภายในฯ ผลิตภัณฑ์ยาง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย เคมีภัณฑ์ และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 3.0

                       ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 27.4 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในฯ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 9.4

                       ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัวร้อยละ 21.6 (หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ขณะที่ 8 เดือนแรกของปี 2565 หดตัวร้อยละ 33.5

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป

                       การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเชิงรุกและลึก เพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกการส่งออก โดยการดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ (1) การเพิ่มจำนวนกิจกรรมส่งเสริมการค้าร่วมกับภาคเอกชน จากแผนเดิมที่กำหนดไว้ 185 กิจกรรม ในปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม แบ่งเป็นแผนเชิงรุก 231 กิจกรรม และแผนเชิงลึก 114 กิจกรรม เพื่อผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลังให้ขยายตัวเกินกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ (2) การเจาะตลาดรูปแบบใหม่ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเจาะตลาด 36 ประเทศ 105 เมือง เช่น การเจาะตลาดสินค้าไก่ วัสดุก่อสร้าง บริการการก่อสร้าง และสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในตลาดซาอุดิอาระเบีย และการเจาะตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป เป็นต้น (3) การสนับสนุนนโยบายขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Enhancing The Dots) ในการส่งเสริมการส่งออก การค้าชายแดน และการบริโภคภายในประเทศ โดยร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกลุ่มผู้ประกอบการ MOC Biz Club เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าให้ภาคเอกชน เช่น การแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ และการส่งสินค้าผลไม้ไปยังจีน รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมทางการค้า อาทิ การจัดงานแสดงสินค้า และการจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น

                       แนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า ยังคงมีสัญญาณบวกที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปีนี้ให้สามารถบรรลุตามเป้าหมาย โดยเฉพาะความต้องการสินค้าอาหารที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ตามราคาอาหารทั่วโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่นโยบายของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงสินค้าเทคโนโลยีของจีน อาจทำให้มีอุปทานชิปประมวลผลส่วนเกินจากผู้ผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก และยังเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเงินเฟ้อในหลายประเทศ การขาดแคลนพลังงานในทวีปยุโรป และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน อาจเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่มา : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)

Login