การประชุมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการค้าระหว่างผู้ประกอบการของ 6 จังหวัดทางภาคเหนือ-กลางเวียดนามและลาวและไทย โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนามภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (Ministry of Industry and Trade: MoIT) และกรมอุตสาหกรรมและการค้าจังหวัดกว๋างบิ่งห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ National Program on Trade Promotion ในปี 2023 ที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า มีผู้เข้าร่วมกว่า 230 คนจากกระทรวงฯ สถานกงสุลใหญ่เวียดนามในสะหวันนะเขตของลาวและขอนแก่นของไทย และผู้ประกอบการของทั้ง 3 ประเทศ
ในการกล่าวเปิดงาน นาย Pham Quang Hai ผู้อำนวยการกรมอุตสาหกรรมและการค้าจังหวัดกล่าวว่า การประชุมมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยน ความร่วมมือ การขยายตลาด และการเชื่อมต่อทางการค้า เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าระหว่าง จังหวัดเถื่อเทียนเว้ (Thua Thien – Hue) กว๋างจิ (Quang Tri) กว๋างบิ่ญ (Quang binh) ห่าติ๋ญ (Ha Tinh) เหงะอาน (Nghe An) และแถ่งฮวา (Thanh Hoa) ของเวียดนามและผู้ประกอบการและผู้จัดจำหน่ายจากประเทศลาวและประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมกิจกรรมการผลิต และใช้ประโยชน์จากโอกาสจากข้อตกลงการค้าพหุภาคีและทวิภาคียุคใหม่ที่ลงนามระหว่างเวียดนาม ลาว และไทย
นาย Doan Ngoc Lam รองประธานคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดกว๋างบิ่งห์ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับศักยภาพและจุดแข็งของจังหวัด โดยกล่าวว่า เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการทั้งในและนอกจังหวัด ในการแสวงหาพันธมิตรและขยายตลาด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการส่งออกระหว่าง 3 ประเทศ
นาย Chu Duc Dung กงสุลใหญ่เวียดนามประจำจังหวัดขอนแก่นระบุว่า การค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามและไทยมีมูลค่า 21,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 ไทยยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียน ในขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน ในขณะนี้ ประเทศไทยมีโครงการลงทุน 677 โครงการ มูลค่า 17.309 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 9 ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามและไทยจำเป็นต้องมีนโยบายที่อำนวยความสะดวกในการส่งเสริมการส่งออกระหว่าง 2 ประเทศ
ในโอกาสนี้ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 15 ฉบับว่าด้วยความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจในจังหวัดทางตอนเหนือ-กลางของเวียดนามกับธุรกิจจากลาวและไทย
(จาก https://vietnamnews.vn/)
ข้อคิดเห็น สคต
ความสัมพันธ์เวียดนามกับลาวและไทยอยู่ในระดับที่ดีและมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 3 ประเทศให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน โดยเวียดนามและไทยได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) และได้มีการลงนามในแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย – เวียดนาม ไทยกับเวียดนามมีกลไกความร่วมมือด้านการค้าที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee – JTC) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามเป็นประธานร่วม
เวียดนามเป็นประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อลาวและไทย เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามมีมูลค่า 21,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด ทั้งนี้ สินค้าส่งออกของไทยไปเวียดนามที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่ม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบเครื่องจักร และ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากเวียดนาม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องจักรไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า ด้ายและเส้นใย น้ำมันดิบ กาแฟ ชา เครื่องเทศ เคมีภัณฑ์ ถ่านหิน และเครื่องมือวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประเทศไทยเป็นประเทศคู่ค้าและตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียน และอยู่ในลำดับที่ ๙ ของการจัดลำดับการลงทุนจากต่างชาติในเวียดนาม ทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่จะยกระดับการค้าระหว่างกันในด้านต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การเงิน การธนาคาร การเกษตร และการลงทุน รวมทั้งยังเป็นสมาชิกของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หลายฉบับ รวมถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ด้วย การหารือแนวทางส่งเสริมการค้าร่วมกันในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่สำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายการผลิตระดับภูมิภาคเพื่อการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)