หน้าแรกTrade insightธุรกิจ Logistics > พาณิชย์ชี้ส่งออกไทยรอพุ่งหลังโควิด ประสานหน่วยงานเร่งทะลวงปัญหาขนส่งโลจิสติกส์ต่างประเทศ

พาณิชย์ชี้ส่งออกไทยรอพุ่งหลังโควิด ประสานหน่วยงานเร่งทะลวงปัญหาขนส่งโลจิสติกส์ต่างประเทศ

พาณิชย์ชี้ส่งออกไทยรอพุ่งหลังโควิด ประสานหน่วยงานเร่งทะลวงปัญหาขนส่งโลจิสติกส์ต่างประเทศ

                    นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงการส่งออกของไทยเดือนเมษายน 2563 ที่มีมูลค่า 18,948 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และขยายตัวที่ร้อยละ 2.12 แม้จะยังอยู่ในช่วงแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสงครามน้ำมัน ว่าหากเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในโลก ถือว่าการส่งออกไทยสามารถพยุงตัวได้เป็นอย่างดี โดยสินค้าเกษตรอาหารและข้าวกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้ง เพราะขยายตัวที่ร้อยละ 4 และ 23.1 ตามลำดับ ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ถ้าหากหักทองคำออกก็จะมีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ไปได้ดี โดยในขณะนี้มีคำสั่งซื้อสินค้าไทยหลายประเภทรออยู่ที่ต่างประเทศ แต่ติดปัญหาด้านการขนส่งระหว่างประเทศ ที่หากแก้ไขได้ก็จะช่วยผลักดันให้การส่งออกไทยในช่วงต่อ ๆ ไปดีขึ้น

                    ผอ. สนค. ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงปัญหาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ มาเป็นระยะ นับแต่มีการล็อคดาวน์และปิดพรมแดนในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งไทยด้วย โดยปัญหาด้านการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้ ทุกภาคส่วนได้หารือกับประเทศเพื่อนบ้านและจัดทำพิธีสารในการเปิดด่านให้สินค้าจากไทยผ่านลาวและเวียดนามไปยังจีนได้เพิ่มขึ้น โดยด่านทางบกที่เปิดเพิ่มมี 2 ด่าน คือ (1) ด่านตงซิง (Dongxing) เมืองฝางเฉิงก่าง (ทางรถ) และ (2) ด่านรถไฟผิงเสียง (ทางราง) ทั้งนี้ ด่านรถไฟผิงเสียงมีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องเที่ยวรถน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการ และด่านโหยวอี้กวนที่ผิงเสียงติดกับเวียดนามเริ่มลดความแออัดลงแล้ว                 

                    อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางบกไปจีนยังมีปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องแก้ไขต่อไป ทั้งเรื่องมาตรการกำกับดูแลพนักงานขับรถบรรทุกที่ประเทศต่าง ๆ อาจมีความเข้มงวดต่างกัน การเปิดปิดพรมแดนที่แต่ละประเทศอาจมีเวลาหรือมาตรการไม่เหมือนกัน และปัญหาในทางปฏิบัติอื่น ทางภาคเอกชนไทยจึงได้ขอให้ภาครัฐช่วยผลักดันจีน ให้เปิดท่าเรือกวนเหล่ยในแม่น้ำโขงเพิ่มเติมอีกจุดหนึ่งเพื่อนำเข้าผลไม้จากไทยด้วย แต่ยังมีอุปสรรคในด้านความพร้อมของจุดตรวจมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและจะหารือกับจีนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศต่อไป นอกจากการหารือสองฝ่ายแล้ว ทางจังหวัดเชียงราย ได้เสนอทางเลือกเพิ่มเติม คือใช้เส้นทางเรือผ่านลำน้ำโขง จากเชียงแสน จ.เชียงราย – ท่าเรือกวนเหล่ย ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง โดยล่าสุดไทยได้มีหนังสือถึงกงสุลใหญ่ของจีนประจำเชียงใหม่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาผ่อนผันเปิดเส้นทางต่อไป

                    สำหรับการขนส่งทางอากาศ ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องประเทศต่าง ๆ ระงับหรือชะลอการบินเข้าออกประเทศ ทำให้มีเที่ยวบินที่ขนส่งสินค้าลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ราคาค่าขนส่งคาร์โก (cargo) เพิ่มขึ้น อีกทั้งนักบินยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการกักตัวจึงทำให้เที่ยวบินไม่สะดวกราบรื่น ซึ่งในจุดนี้ หน่วยงานราชการได้ซักซ้อมความเข้าใจระหว่างกันเรียบร้อยแล้วว่า นักบินขนส่งสินค้าสามารถบินเข้าออกได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน หากมีกำหนดตารางเวลาการบินเข้าออกที่ชัดเจน มีเอกสารรับรองการตรวจสุขภาพ และพักอยู่ในสถานที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น สำหรับเรื่องการขนส่งสินค้าทางเครื่องบินเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้หลายสายการบิน รวมถึงการบินไทยได้ปรับเครื่องบินโดยสารมาเป็นการขนส่งสินค้าแล้ว แต่มีเส้นทางบินค่อนข้างจำกัดไปยังเมืองที่เป็น hub หรือศูนย์กลางการขนส่ง ซึ่งการกระจายสินค้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อ อาจจะต้องใช้รถยนต์ จึงทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่ม แต่ก็ถือว่าช่วยผ่อนคลายปัญหาไปได้บ้าง 

                    ผอ. สนค. กล่าวถึงปัญหาในด้านการขนส่งทางเรือ/ทะเล ว่า ตรงจุดนี้ปัญหาในช่วงต้น ๆ เป็นเรื่องของการดูแลความปลอดเชื้อของตู้ขนส่งคอนเทนเนอร์และเรือเดินสมุทรที่ขนส่งสินค้า เพื่อไม่ให้สินค้าได้รับเชื้อ (contamination) แต่ในขณะนี้ปัญหาตรงนี้คลี่คลายไปมากแล้ว โดยจุดที่ยังต้องหาทางบรรเทาต่อไปคือ ประเด็นที่ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงไปอย่างมาก จากอุปสงค์ที่ลดลงในทุกประเทศจากโควิดและการล็อคดาวน์ ทำให้การขนส่งทางเรือ/ทะเลมีปริมาณลดลง ค่าระวางจึงแพงขึ้นเพราะตู้ว่าง ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลได้แก้ไขเบื้องต้นโดยการลดจำนวนตู้และเที่ยวเรือลง ทำให้สามารถส่งออกไปได้น้อย ซึ่งหากอุปสงค์กลับมามีมากขึ้น ก็น่าจะทำให้เที่ยวเรือและจำนวนตู้กลับมาในระดับใกล้ปกติต่อไป

                    นอกจากปัญหาในทางปฏิบัติของการขนส่งต่าง ๆ แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเอกสารและการปล่อยของที่ล่าช้าในประเทศคู่ค้า สืบเนื่องจากนโยบายล็อคดาวน์และให้ทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำให้บางประเทศมีเจ้าหน้าที่มาดูแลที่ด่านต่าง ๆ ลดลง จึงใช้เวลามากขึ้นในการเคลียร์สินค้า รวมทั้งการรับส่งเอกสารทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศ ก็พบปัญหาความล่าช้าเช่นเดียวกัน 

                    นางสาวพิมพ์ชนกฯ สรุปว่า สินค้าไทยยังมีอุปสงค์อยู่มากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มที่ตอบรับโจทย์ new normal ที่การใช้ชีวิตและการทำงานของคนจะเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น อาหารสำเร็จรูปจะขายดียิ่งขึ้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าไอที และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องต่าง ๆ จะมารองรับการทำงานที่บ้าน ซึ่งประเทศไทยควรเร่งทำตลาดในช่วงนี้ให้ลูกค้าติดใจมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นเร็ว ๆ นี้ เช่น การจัดงานชิมผลไม้ไทยในจีน ฮ่องกง และเกาหลี ที่ทูตพาณิชย์ในพื้นที่จัด พบว่าคนสนใจมาร่วมงานและสั่งซื้ออย่างมาก นอกจากนี้ การสั่งซื้อของออนไลน์ก็เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์กำลังผลักดันในทุก ๆ ด้าน โดยเป็นนโยบายหลักในช่วงถัดไปของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สนค. จึงมั่นใจว่า หากปัญหาด้านการขนส่งต่าง ๆ คลี่คลายไป ก็จะมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเร็วและมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563 

ที่มา : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)

Login