หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > ผู้นำเข้าอินโดนีเซียกังวลเกี่ยวกับแผนการเก็บอากรนำเข้า 200% สำหรับสินค้าจากจีน

ผู้นำเข้าอินโดนีเซียกังวลเกี่ยวกับแผนการเก็บอากรนำเข้า 200% สำหรับสินค้าจากจีน

กลุ่มผู้นำเข้าอินโดนีเซียได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแผนที่จะมีการเก็บอากรนำเข้า 200% สำหรับสินค้าจากจีนและเตือนว่าการกระทำนี้จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการลอบนำเข้าสินค้าแบบผิดกฎหมาย

ประธานสมาคมผู้นำเข้าอินโดนีเซีย (GINSI) นาย Subandi กล่าวว่านโยบายนี้จะส่งผลร้ายย้อนกลับมาซึ่งจะส่งผลกระทบในความสัมพันธ์การค้าระหว่างจีนและอินโดนีเซีย

“ถ้าสินค้าจีนถูกเก็บอากรนำเข้า 200% นั้นก็จะไม่ต่างอะไรกับการปิดการค้า” นาย Subandi กล่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมา อ้างอิงจากแหล่งข่าว Detik.com

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้ารัฐบาลอินโดนีเซียจริงจังกับเรื่องนี้ พวกเรา(กลุ่มผู้นำเข้าสินค้า) คงได้รับผลกระทบอย่างสูง”

รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังวางแผนที่จะเก็บอากรนำเข้าสินค้าจากจีนที่อัตรา 100-200% เพื่อตอบสนองกับผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยเฉพาะเครื่องนุ่งหม เหล็ก สิ่งทอ และเซรามิก รายงานโดย Antara

รัฐมนตรีกระทรวงการค้า นาย Zulkifli Hasan กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่ามาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันธุรกิจภายในประเทศจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนเนื่องจากการผลิตและอุปทานที่มีมากเกินไปในประเทศจีนจากผลของการเพิ่มอากรนำเข้าสินค้าจีนในตลาดตะวันตก

ประธานสมาคมผู้นำเข้าอินโดนีเซีย (GINSI) นาย Subandi ให้คำนะนำว่ารัฐบาลควรประเมินขีดความสามารถการแข่งขันของสินค้าภายในประเทศก่อน เพราะสินค้านำเข้ายังมีราคาถูกกว่าแม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าขนส่งและภาษีนำเข้า

“รัฐบาลต้องตรวจสอบและศึกษาว่าทำไมสินค้าของอินโดนีเซียถึงแพงกว่า ซึ่งเป็นผลให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าที่ถูกกว่านั่นคือสินค้านำเข้า” นาย Subandi กล่าว

นาย Subandi ยังแนะนำให้รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดกับการกลุ่มผู้นำเข้าที่ผิดกฎหมาย และควรหลีกเลี่ยงการเพิ่มอัตราอากรนำเข้าต่อกลุ่มผู้นำเข้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเขายังเตือนว่าการลักลอบนำเข้าอาจเพิ่มขึ้นในขณะที่ผู้ที่นำเข้าสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายอาจจะต้องปิดกิจการลงเนื่องจากมาตรการนี้

นโยบายอากรนำเข้าใหม่ของรัฐบาลอินโดนีเซียเกิดขึ้นในช่วงที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับตลาดตะวันตกกำลังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ประกาศในช่วงกลางพฤษภาคมว่าสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บอากรนำเข้าเพิ่มในสินค้าจีนหลายชนิด โดยอ้างว่าจีนกำลังให้ความช่วยเหลือบางภาคส่วนของผู้ผลิตสินค้าเพื่อขายสินค้าตัดราคาผู้แข่งขันต่างชาติและผลิตสินค้ามากกว่าที่ตลาดโลกจะรับได้ โดยจีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเพียงแค่ผลจากการที่ผู้ผลิตสินค้าผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงเท่านั้น

โดยจากการคาดการณ์คาดว่านโยบายดังกล่าวของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยครอบคลุมภาคธุรกิจต่าง ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า(EVs), สารกึ่งตัวนำ, แบตเตอรี่, แร่ธาตุที่สำคัญ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ สหภาพยุโรปได้ดำเนินการนโยบายเดียวกันเช่นกัน ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนจากที่สหรัฐฯประกาศ โดยจีนได้มีการพูดคุยกับสหภาพยุโรปให้พิจารณานโยบายดังกล่าอีกครั้งก่อนที่มันจะนำมาบังคับใช้ในวันที่ 4 กรกฎาคม มิเช่นนั้นจีนอาจพิจารณาตอบโต้ด้วยการเก็บอากรนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับสินค้าเกษตรของสหภาพยุโรป

 

ความคิดเห็นของสำนักงาน

การตัดสินใจของอินโดนีเซียที่จะกำหนดภาษี Safeguard ตั้งแต่ 100% ถึง 200% สำหรับการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เช่น รองเท้า เซรามิก และสินค้าอื่น ๆ ได้เริ่มมีการคัดค้านจากกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าของอินโดนีเซียและอาจส่งผลให้นโยบายดังกล่าวอาจถูกยกเลิกได้ในอนาคตเช่นเดียวกับปลายปีที่แล้วเนื่องจากอุตสาหกรรมในประเทศได้แจ้งว่าการบังคับใช้มาตรการนี้ส่งผลกระทบแก่การไหลเวียนของวัสดุนำเข้าซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรมภายในประเทศประเทศ อีกทั้งจากการแนะนำและกล่าวอ้างของประธานสมาคมผู้นำเข้าอินโดนีเซีย (GINSI) ยังกล่าวว่าหากมีการบังคับใช้นโยบายนี้อาจส่งผลให้ผู้นำเข้ามีจำนวนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและมีโอกาสที่จะมีการลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากประเด็นอาจทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องกลับไปพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติมอย่างมากเพื่อที่จะดำเนินนโยบายให้ออกมาตรงตามวัตถุประสงค์และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซียให้น้อยที่สุด

อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมาตรการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพิจารณา ยังไม่มีการบังคับใช้แต่อย่างใด โดยผู้ส่งออกหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำสินค้ามาสู่ตลาดอินโดนีเซียควรติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด

อ่านข่าวฉบับเต็ม : ผู้นำเข้าอินโดนีเซียกังวลเกี่ยวกับแผนการเก็บอากรนำเข้า 200% สำหรับสินค้าจากจีน

Login