หน้าแรกTrade insightข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ > ผลผลิตข้าวโพดในฟิลิปปินส์เสี่ยงได้รับผลกระทบสูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผลผลิตข้าวโพดในฟิลิปปินส์เสี่ยงได้รับผลกระทบสูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

                        ธนาคารโลก (World Bank) รายงานว่า ผลผลิตข้าวโพดของฟิลิปปินส์มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากที่สุดภายในปี 2573 รองลงมาได้แก่ น้ำตาลและข้าวโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญต่อภาคเกษตรกรรมของฟิลิปปินส์ในการเพิ่มผลผลิตและการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมีหลักฐานชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ผลผลิตและพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมของพืชหลายชนิดลดลงในปี 2573 โดยการผลิตและผลผลิตข้าวโพดจะลดลงมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ อ้อยและข้าว และในปี 2593 (ค.ศ. 2050) คาดการณ์ว่าข้าวโพดจะยังคงได้รับผลกระทบมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ กล้วยและข้าว ทั้งนี้ ตามรายงานยังระบุว่าในช่วงระหว่าง ปี 2543 – 2562 ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 4 จากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วโดยภาคการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ และโครงสร้างพื้นฐานในชนบท เช่น คลองชลประทาน ถนน สิ่งอำนวยความสะดวกหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางการขนส่งสินค้าทางการเกษตร รวมทั้งอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลต่อผลผลิตพืชผลและปศุสัตว์ ทำให้เกิดศัตรูพืชมากขึ้นและลดผลิตภาพแรงงาน ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวมีส่วนทำให้เกิดการขาดดุลอาหาร ความไม่มั่นคงทางอาหารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการหยุดชะงักทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมาก

                            ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ประมาณการว่าความเสียหายจากเหตุการณ์ธรรมชาติและภัยพิบัติที่รุนแรงในช่วงระหว่างปี 2553 – 2562 มีมูลค่าประมาณ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยความเสียหายทางการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 63 ของความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลให้การเติบโตมูลค่าเพิ่มรวมทางการเกษตรชะลอตัวลงด้วย และได้สร้างแรงกดดันต่อการออมของรัฐบาล รวมถึงทำให้ค่าจ้างภาคการเกษตรตกต่ำ ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ระบุถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรที่ชาญฉลาดต่อสภาพภูมิอากาศ และการใช้กลยุทธ์การปรับตัวและบรรเทาสภาพภูมิอากาศ โดยการปฏิรูปนโยบายสนับสนุนการเกษตรสามารถส่งเสริมการนำระบบการผลิตที่หลากหลายมาใช้มีแนวโน้มที่จะทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World

บทวิเคราะห์/ข้อคิดเห็น

                          ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อภาวะความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากต้องเผชิญกับ ภัยธรรมชาติบ่อยครั้งที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละปี รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ประกอบกับจำนวนประชากรของฟิลิปปินส์ที่มีอัตราการขยายตัวสูงทำให้ไม่สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ โดยข้อมูลจากธนาคารโลกดังกล่าวชี้ให้ เห็นว่าสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดของฟิลิปปินส์มี           แนวโน้มเผชิญความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศฟิลิปปินส์ในอนาคต โดยจะทำให้ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อเสริมอุปทานภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การผลิตข้าวโพดและพืชเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว อ้อย ของฟิลิปปินส์ต้องประสบกับปัจจัยท้าทายหลายประการไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาตลาดที่ผันผวน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาวะหยุดชะงักและความไม่แน่นอนของอุปทานสินค้าเกษตร ทำให้มีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศปรับลดอัตราภาษีนำเข้า MFN สินค้าเกษตรและปศุสัตว์หลายรายการ เช่น ข้าวโพด ข้าว เนื้อสุกร เป็นต้น เพื่อกระตุ้นการนำเข้าในการเสริมอุปทานในประเทศ ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มภาวะขาดแคลนดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ว่าฟิลิปปินส์จะมีความต้องการนำเข้าข้าวโพด รวมถึง  พืชเกษตรอื่นๆ จึงนับเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของไทยมายังฟิลิปปินส์เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรประเมินสถานการณ์ผลผลิตและความต้องการใช้ในประเทศไทยก่อนการส่งออกด้วยเช่นกัน รวมทั้งควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประกอบการกำหนดกลยุทธ์การส่งออกอย่างเหมาะสมต่อไป

——————————————————

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

24 พฤศจิกายน 2566

อ่านข่าวฉบับเต็ม : ผลผลิตข้าวโพดในฟิลิปปินส์เสี่ยงได้รับผลกระทบสูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Login