หน้าแรกTrade insightข้าว > ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

นาย Ferdinand Marcos Jr ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์และภริยา เดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2567 ตามคำเชิญของนาย หว๊อ วัน เทือง (Vo Van Thuong) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ในวันที่ 30 มกราคม 2567 ณ ทำเนียบประธานาธิบดี นาย หว๊อ วัน เทือง (Vo Van Thuong) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและภริยา เป็นประธานในพิธีต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของ นาย Ferdinand Marcos Jr ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และภรรยา ซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของนาย Ferdinand Marcos Jr นับตั้งแต่การรับตำแหน่งและถือเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในรอบ 7 ปี ภายหลังพิธีต้อนรับผู้นำทั้งสองประเทศได้นำคณะผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศหารือและประเมินผลความร่วมมือระหว่างสองประเทศในอดีตและทิศทางความร่วมมือในอนาคต เวียดนามและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2519 มีการลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในปี 2558 และลงนามแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในช่วงปี 2562-2567 เมือเดือนมีนาคม 2562 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในทุกด้านและบรรลุผลเชิงบวกโดยมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจเป็นจุดร่วมสำคัญของความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ในปี 2566 การค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ มีมูลค่า 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกปริมาณ 2.63 ล้านตัน มูลค่า 1,410 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในระหว่างการเยือน นาย ฝ่ามมิงห์ ชินห์ (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้มีการพบกับ นาย Ferdinand Marcos Jr ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โดยระบุว่า การเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ครั้งนี้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือรอบด้านระหว่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยขอแสดงความยินดีกับฟิลิปปินส์ในการบรรลุความสำเร็จทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งช่วยให้ฟิลิปปินส์รักษาการเติบโตของ GDP อยู่ในกลุ่มประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค และส่งเสริมยกระดับการค้าในตลาดระหว่างประเทศ สำหรับนาย Ferdinand Marcos Jr ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้แสดงความชื่นชมความสำเร็จในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับเวียดนามและเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของฟิลิปปินส์

ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับมาตรการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้การค้าทวิภาคีมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอนาคต สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ทั้งสองฝ่ายมีความต้องการและเป็นจุดแข็งร่วมกัน เช่น เทคโนโลยีการแปรรูปสินค้าเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมรถยนต์ พลังงาน และเทคโนโลยีขั้นสูงทางการเกษตร เป็นต้น

สำหรับด้านการค้าข้าว นาย ฝ่ามมิงห์ ชินห์ (Pham Minh Chinh) ระบุว่า อุตสาหกรรมข้าวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่สำคัญของความร่วมมือกับฟิลิปปินส์ ไม่เพียงแต่เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่ยังเกี่ยวข้องกับเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร

โดยในการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2567 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามและกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าข้าว และนายกรัฐมนตรีเวียดนาม นาย ฝ่ามมิงห์ ชินห์ เน้นย้ำให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าข้าวที่ลงนามในครั้งนี้ เพื่อให้สามารถบรรลุยเป้าหมายการค้าข้าวร่วมกัน

สำหรับการประชุมดังกล่าว นาย เหงีย ห่ง เยียน (Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามให้การต้อนรับนาย Francisco Tiu Laurel รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นความสำคัญใน        การส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า และส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาตลาดตลาดสินค้าเกษตร โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าข้าว ทั้งนี้ นาย เหงีย ห่ง เยียน (Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้ขอขอบคุณที่ฟิลิปปินส์ไว้วางใจและเลือกข้าวเวียดนามเป็นตลาดนำเข้าหลักมาโดยตลอด บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าข้าวระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามและกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ เป็นการลงนามที่สำคัญในการดำเนินนโยบายเและกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าข้าวในอีก 5 ปีข้างหน้า

ในปี 2566 สถานการณ์การผลิตอาหารทั่วโลกและการค้าข้าวยังคงมีความซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้ เนื่องจากผลกระทบของปัจจัยหลายประการ เช่น การห้ามส่งออกข้าวในบางประเทศ (อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ El Nino ความขัดแย้ง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นต้น การที่ทั้งสองประเทศมีนโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์และลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือการค้าข้าวระหว่างการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ จึงมีความหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความ ความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ แต่ยังมีความสำคัญในทางปฏิบัติ เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งสองประเทศด้วย

นาย Francisco Tiu Laurel Jr. รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ปัจจุบันข้าวเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 85   ของตลาดข้าวนำเข้าของฟิลิปปินส์ และขอให้เวียดนามประเมินความสามารถในการส่งออกการค้าข้าวในปีหน้า เพื่อวางแผนการคาดการณ์การผลิตข้าวในปีหน้า และขอให้เวียดนามรักษาการส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์อย่างมั่นคงต่อไป

นาย เหงีย ห่ง เยียน (Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการคาดการณ์เกี่ยวกับการผลิตข้าวในปี 2567 และยืนยันว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกข้าวชั้นนำของโลก เวียดนามมีความพร้อมในการส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์ต่อไป

ข้อคิดเห็น สคต

กว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและฟิลิปปินส์มีพัฒนาการที่ดีในหลายด้าน ความร่วมมือทางการเมืองให้ดีขึ้นด้วย การเยือนระหว่าง 2 ประเทศในหลายระดับและการประชุมระดับสูง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศก็พัฒนาไปในทางบวกเช่นกัน โดยฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 6 ของเวียดนามในอาเซียน ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่นำเข้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม การเยือนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูงสุดและสร้างพลังขับเคลื่อน เพื่อผลักดันความร่วมมือ   ทวิภาคีในทุกด้านผ่านช่องทางของพรรค รัฐบาล รัฐสภาและประชาชนระหว่างสองประเทศ เช่น การฉลองครบรอบ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปี 2568 และ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2569 ในกรอบการเยือน ผู้นำทั้งสองประเทศเป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงที่สำคัญในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ การลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าข้าวระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามและกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าของเวียดนามและฟิลิปปินส์ในด้านการผลิต การนำเข้า และการส่งออกข้าว ซึ่งความร่วมมือด้านการค้าข้าวเป็นจุดสำคัญในความสัมพันธ์ทางการค้าเวียดนาม-ฟิลิปปินส์ ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นตลาดการบริโภคข้าวชั้นนำของเวียดนามโดยปริมาณข้าวที่ส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 อยู่ที่ 3.1 ล้านตัน (1,7500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 38 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของประเทศ นอกจากผลประโยชน์ทางการค้าแล้ว การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังฟิลิปปินส์ยังสร้างความมั่นคงด้านอาหารในฟิลิปปินส์อีกด้วย นับเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีฟิลิปปินส์-เวียดนาม และจะมีส่วนช่วยในการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังฟิลิปปินส์มากยิ่งขึ้น

อ่านข่าวฉบับเต็ม : ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

Login