ธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (The Central Bank of the UAE หรือ CBUAE) ประเมินเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีจะเติบโตร้อยละ 4 ในปีนี้ ดีขึ้นจากที่ประเมินเมื่อเดือนมิถุนายนไว้ที่ร้อยละ 3.9 โดยได้รับแรงกระตุ้นจากเศรษฐกิจภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) เดินหน้าใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงเศรษฐกิจ และการเติบโตที่ได้รับจากข้อตกลงเศรษฐกิจระดับโลก
ปัจจุบันยูเออีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคตะวันออกกลาง ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีการค้าต่างประเทศที่ไม่ใช่น้ำมันมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 381.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ยูเออีได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (CEPAs) กับประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกกลางและแอฟริกา อาทิ อินเดีย ตุรกี อิสราเอล อินโดนีเซีย กัมพูชา จอร์เจีย เกาหลีใต้ ชิลี และมอริเชียส โดยเป้าหมายของ CEPA ประสงค์ที่จะลดภาษีศุลกากรและขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน สามารถจะช่วยส่งเสริมเป้าหมายทางเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนทวิภาคี ด้วยแนวทางที่ยืดหยุ่นและปฏิบัติได้จริง คาดว่าจะสามารถเพิ่มการส่งออกของประเทศ ได้ร้อยละ 33 จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 41.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2574
รัฐบาลยูเออีมีนโยบายมุ่งเน้นการกระจายเศรษฐกิจออกจากภาคน้ำมัน ในขณะที่ประเทศก็มีการเติบโตของภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา โดยในไตรมาสแรกเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 3.4 ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่ง 117.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกระทรวงเศรษฐกิจยูเออี มีรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจเมื่อเดือนกันยายน 2567 ว่าเศรษฐกิจภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ำมันขยายตัวร้อยละ 4 (YoY)
สอดคล้องกับรายงานของ CBUAE ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ภาคการขนส่งและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ปริมาณผู้โดยสารที่สนามบินนานาชาติอาบูดาบีและดูไบเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.8 เปอร์เซ็นต์และร้อยละ 8 ตามลำดับ
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน จากข้อมูลสถิติที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยูเออี แสดงธุรกรรมการขายที่อยู่อาศัยในรัฐดูไบ ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 ในขณะที่กรุงอาบูดาบีมีการเติบโตร้อยละ 2.3 (YoY)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
การกระตุ้น GDP ในปีนี้ยังสะท้อนถึง “ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของภาคส่วนน้ำมัน” ที่ยังคงเป็นเสาหลักดูแลเศรษฐกิจได้ ในขณะที่การเติบโตเศรษฐกิจยังคงถูกขับเคลื่อนโดยภาคการท่องเที่ยว การขนส่ง บริการทางการเงินและการประกันภัย การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และการสื่อสาร
ในส่วนของภาคน้ำมัน หลังจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Opec) และชาติพันธมิตร หรือ Opec+ เห็นพ้องจะขยายเวลาการลดกำลังการผลิต 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน จนสิ้นปี 2568 แต่จะยกเลิกการลดผลิตโดยสมัครใจที่ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนตุลาคม 2567 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด ท่ามกลาง อุปสงค์ที่ซบเซาและอัตราดอกเบี้ยที่สูง ที่จะส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจโดยรวม แต่ทั้งนี้เศรษฐกิจภาคส่วนที่ไม่ใช่ไฮโดรคาร์บอนยังคงแข็งแกร่ง คาดว่าปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 5.2 และปี 2568 ที่ร้อยละ 5.3 ตามลำดับ
ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ
CBUAE เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 และ ปี 2568 โดยเห็นความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบันบางส่วนที่ทวีความรุนแรงขึ้นหรือการระเบิดของความตึงเครียดระลอกใหม่ (รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน สงครามในฉนวนกาซา และความไม่สงบในทะเลแดง) จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นเวลานาน และจากการลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม ที่อาจเกิดขึ้นโดย Opec+
นอกจากนี้ ยังได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของยูเออีในปี 2567 เป็นร้อยละ 2.2 จาก ร้อยละ 2.3 ทั้งนี้อาจจะพิจารณาปรับลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงอีก หากแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อลดลง (Disinflationary) ในกลุ่ม อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้า/บริการที่ไม่ต้องแข่งขันกับต่างประเทศหรือที่ไม่สามารถนำเข้าได้ (non-tradable) เช่น ที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ สาธารณูปโภค และการศึกษา ยังคงมีอยู่
ความเห็นของสคต.ดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงดำเนินการตามเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางในทุกด้านของโลก โดยเฉพาะพลังงานและพลังงานทดแทน การค้า การคมนาคม/การขนส่ง การบิน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อาหาร และโลกแห่งอนาคต (อวกาศและเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ฯลฯ) เนื่องมาจากแผนการขยายการค้าที่ไม่ใช่น้ํามันและการเพิ่มจํานวน CEPA ให้ได้กับอย่างน้อย 20 ประเทศ
ด้านการใช้จ่าย การอุปโภคของภาครัฐบาลและการส่งออกสินค้าและบริการ ปรับตัวดีขึ้น และการอุปโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ด้านการผลิต ภาคการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว ภาคที่พักและบริการด้านอาหาร ภาคการขนส่งและการขายปลีก การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง
ข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงไตรมาสสุดท้าย ปี 2567 เกิดจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอล การปรับทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก และทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการค้า ของหลายประเทศสำคัญที่ยังคงไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มเป้า GDP ปี 2568 เป็น 4%