ตลาดอาหารเสริมในสหรัฐอเมริกากำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าในปี 2568 มูลค่าตลาดอาหารเสริมในสหรัฐฯ จะเติบโตเกิน 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แนวโน้มความสนใจของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยชาวอเมริกันหันมาสนใจวิตามิน แร่ธาตุ และอาหารเสริมอื่น ๆ มากขึ้น เพื่อช่วยให้สุขภาพแข็งแรง อาหารเสริมคือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการในแต่ละวัน โดยให้สารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สมุนไพร เอนไซม์ และสารที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ แคปซูล เม็ด ของเหลว และผง ซึ่งช่วยสนับสนุนสุขภาพโดยรวม แก้ปัญหาการขาดสารอาหาร และเสริมสร้างการทำงานทางสรีรวิทยาเฉพาะด้าน
ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของตลาดอาหารเสริม
- การตระหนักรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยหันมาใช้อาหารเสริมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลังงาน ดูแลสุขภาพจิต และแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งผู้บริโภคชาวอเมริกันก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยมองว่าอาหารเสริมเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการลดความเสี่ยงของโรคและลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคต
- การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีความต้องการอาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพด้านต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ความหนาแน่นของกระดูก สุขภาพข้อต่อ การทำงานของสมอง และระบบไหลเวียนโลหิต
- แนวโน้มความนิยมโภชนาการเฉพาะบุคคล ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางโภชนาการช่วยให้สามารถออกแบบอาหารเสริมที่เหมาะสมกับสุขภาพเฉพาะบุคคลตามข้อมูลทางพันธุกรรมและเป้าหมายด้านสุขภาพได้
- การขยายตัวของแพลตฟิร์มอีคอมเมิร์ซ การเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทำให้อาหารเสริมเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย พร้อมความสะดวกในการจัดส่งถึงบ้าน
บริษัทหลักที่มีบทบาทสำคัญในตลาดอาหารเสริมสหรัฐฯ ได้แก่
- Amway Corp.: ผู้นำระดับโลกที่มุ่งเน้นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาหารเสริม
- Herbalife Nutrition Ltd.: เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก โภชนาการกีฬา และสุขภาพทั่วไป
- Abbott Laboratories: นำเสนออาหารเสริมที่เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย
- Pfizer Inc.: นำเสนออาหารเสริมโดยใช้ความเชี่ยวชาญทางเภสัชกรรมเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- The Nature’s Bounty Co.: เป็นที่รู้จักในด้านอาหารเสริมคุณภาพสูง
ช่องทางการจัดจำหน่าย
ยอดขายผ่านช่องทางออฟไลน์คิดเป็นร้อยละ 58.2 ของยอดขายในปี 2567 โดยช่องทางออฟไลน์แบ่งออกเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านค้าพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และอื่น ๆ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ นิยมซื้ออาหารเสริมจากร้านขายยาเนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย ร้านขายยายังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลและมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ ลดความเสี่ยงของสินค้าปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน การขายผ่านช่องทางออนไลน์คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 6.3 ตั้งแต่ปี 2567 ถึง 2573 เนื่องจากความสะดวกสบายของการซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้จากที่บ้านและมักได้รับส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษ
พฤติกรรมการบริโภคอาหารเสริมของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย
บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลระดับนานาชาติ YouGov ได้วิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคอาหารเสริมของผู้บริโภคชาวอเมริกันในแต่ละช่วงวัย ได้แก่ Gen Z, Millennials, Gen X และ Baby Boomers โดยวิเคราะห์ตั้งแต่ประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปจนถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนี้
ผู้บริโภคซื้ออาหารเสริมประเภทใดบ้าง?
วิตามินเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกช่วงวัย แต่แนวโน้มการซื้อจะเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้บริโภค โดยผู้บริโภค Gen Z ซื้อวิตามินถึงร้อยละ 48 ในขณะที่กลุ่ม Baby Boomers มีอัตราการซื้อวิตามินสูงถึงร้อยละ 64 ส่วนผู้บริโภคช่วงวัย Gen X และ Millennials ซื้อวิตามินอยู่ในระดับกลาง ที่ร้อยละ 58 และ ร้อยละ 56 ตามลำดับ จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าการบริโภควิตามินนั้นเพิ่มขึ้นตามอายุ
การซื้ออาหารเสริมประเภทเกลือแร่หรือแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ก็มีแนวโน้มที่คล้ายกัน โดยผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ซื้อแร่ธาตุเป็นอาหารเสริมเพียงร้อยละ 20 ในขณะที่ Baby Boomers ซื้อแร่ธาตุมาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพร้อยละ 34
ในทางตรงกันข้าม อาหารเสริมประเภทโปรตีนและกรดอะมิโนซึ่งนิยมใช้ในกลุ่มออกกำลังกายและเพาะกาย เช่น เวย์โปรตีน มีความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อย โดยร้อยละ 24 ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ ร้อยละ 22 ของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials ซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ในขณะที่ความสนใจลดลงอย่างมากในกลุ่มผู้สูงวัย
อาหารเสริมประเภทกรดไขมันจำเป็น เช่น น้ำมันปลา มีอัตราการซื้อที่ค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงวัย โดยอัตราการซื้อในทุกช่วงวัยอยู่ระหว่างร้อยละ 14 ถึงร้อยละ 18 ส่วนอาหารเสริมจากธรรมชาติที่สกัดจากพืชหรือเห็ด พบว่ามีความนิยมมากที่สุดในกลุ่ม Millennials (ร้อยละ 21) ขณะที่ Baby Boomers มีอัตราการซื้อต่ำที่สุดที่ร้อยละ 13 ในส่วนของอาหารเสริมที่มีโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียมีชีวิตที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้ได้รับความนิยมมากในกลุ่ม Millennials (ร้อยละ 23) และ Gen X (ร้อยละ 22)
แม้ว่าตลาดอาหารเสริมจะเติบโตขึ้น แต่ยังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยในทุกช่วงวัยที่ไม่ได้ซื้ออาหารเสริมภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ร้อยละ 31
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้ออาหารเสริม
ราคาถือเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการซื้ออาหารเสริมในแต่ละช่วงวัย โดยราคามีอิทธิพลต่อผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ที่ร้อยละ 34 และมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากขึ้น โดยราคามีอิทธิพลสูงสุดต่อผู้บริโภคกลุ่ม Baby Boomers ที่ร้อยละ 48
ความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยความคุ้มค่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับช่วงวัย Gen Z ที่ร้อยละ 36 และเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับช่วงวัย Baby Boomers ที่ร้อยละ 46 ซึ่งบ่งชี้ว่าเมื่อผู้บริโภคมีอายุมากขึ้นจะซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าที่มากขึ้น
การรับรู้ของแบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อในอัตราที่คงที่ในทุกช่วงวัย อยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 นอกจากนี้ คำแนะนำจากแพทย์ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในทุกช่วงวัยเช่นเดียวกัน คำแนะนำจากเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุ โดยร้อยละ 26 ของ Gen Z และ ร้อยละ 22 ของ Millennials ตัดสินใจซื้ออาหารเสริมโดยได้รับอิทธิพลจากคนใกล้ตัว ปัจจัยนี้มีอิทธิพลต่อกลุ่ม Baby Boomers เพียงร้อยละ 12
ข้อมูลด้านโภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในทุกช่วงวัย อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่ผ่านมากับผลิตภัณฑ์มีผลต่อกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า โดยร้อยละ 39 ของกลุ่ม Baby Boomers ยังคงซื้อผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้แล้วได้ผลดี ขณะที่เพียงร้อยละ 30 ของ Gen Z ใช้เหตุผลนี้ในการซื้อ
โฆษณามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากขึ้น มีเพียงร้อยละ 3 ของ กลุ่ม Baby Boomers ที่ได้รับอิทธิพลจากโฆษณาทางโทรทัศน์ และเพียงร้อยละ 2 ที่ได้รับอิทธิพลจากโฆษณาออนไลน์ ในขณะที่ผู้บริโภคช่วงวัย Gen Z มีความอ่อนไหวต่อโฆษณามากกว่า โดยร้อยละ 12 ได้รับอิทธิพลจากโฆษณาทางโทรทัศน์ และร้อยละ 10 จากโฆษณาออนไลน์ นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์และบล็อกเกอร์มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคชาว Gen Z ถึงร้อยละ 12 แต่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคชาว Baby Boomers ค่อนข้างต่ำเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น
พฤติกรรมการซื้ออาหารเสริมแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละช่วงวัย?
ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวทางการซื้ออาหารเสริมอย่างยืดหยุ่นมากขึ้น โดยซื้อผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็น โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z (ร้อยละ 49) และมากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่ม Millennials (ร้อยละ 53) ซื้ออาหารเสริมเมื่อจำเป็น ในขณะที่ช่วงวัย Gen X และ Baby Boomers ก็มีแนวโน้มคล้ายกัน การมีอาหารเสริมสำรองไว้ที่บ้านในปริมาณเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติในกลุ่ม Gen Z และ Millennials (ร้อยละ29 เท่ากัน) ในขณะที่ Gen X และ Baby Boomers มีแนวโน้มทำเช่นนี้น้อยกว่า โดย กลุ่ม Baby Boomers นิยมเก็บอาหารเสริมสำรองไว้จำนวนมากที่บ้าน มีอัตราสูงสุดที่ร้อยละ 15
ความคิดเห็นของสคต.นิวยอร์ก
กระแสการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง และผู้บริโภคชาวอเมริกันก็หันมาสนใจในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น ดังนั้น เป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยที่จะพัฒนาอาหารเสริม สารสกัด หรือสมุนไพรของไทยให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งคือเป็นแหล่งสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ มีเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพในหลายด้าน ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดงานวิจัยให้ไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสมุนไพร Functional Foods ชีวเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Active Pharmaceutical Ingredients (APIs) เป็นต้น
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ตลาดอาหารเสริมในสหรัฐฯและพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย