หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีศักยภาพในเวียดนาม

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีศักยภาพในเวียดนาม

ปัจจุบัน สถานการณ์มลพิษทางอากาศที่เลวร้ายลง รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กําลังกลายเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโกโดยรวม และโดยเวียดนามเอง โดยเฉพาะ เวียดนามถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสําหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเจาะตลาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแผนงานและนโยบายการพัฒนาที่เฉพาะเจาะจงเพื่อกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนามในการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ด้วยการบรรลุพันธสัญญาในการประชุม UN Climate Change Conference (COP26) ครั้งที่ 26 นายกรัฐมนตรีได้ลงนามใน Decision No. 876/QD-TTg ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 อนุมัติแผนปฏิบัติการเพื่อการเปลี่ยนเป็นพลังงานสีเขียว การลดคาร์บอน และการปล่อยก๊าซมีเทนในภาคการขนส่ง ตามแผนงานสําหรับการเปลี่ยนเป็นพลังงานสีเขียวในการขนส่งภายในปี 2593 เวียดนามตั้งเป้าที่จะมียานพาหนะบนถนนร้อยละ 100 ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าเพื่อให้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ

รถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในภาคการขนส่ง เนื่องจากไม่มีการปล่อยมลพิษ มีประสิทธิภาพสูง และมีคุณสมบัติอัตโนมัติ ตลาด EV ทั่วโลกมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีจํานวนรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 17 ล้านคันในปี 2564 ซึ่งสูงกว่าในปี 2562 ถึง 2.5 เท่าตามสถิติจาก Vietnam Register แสดงให้เห็นว่า ณ เดือนสิงหาคม 2565 เวียดนามมีรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 3,000 คันที่ผลิต ประกอบ และนําเข้า ซึ่งสูงกว่าในปี 2562 ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและ Scooter ประมาณ 1.8 ล้านคันที่เปิดให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการประจําวันของประชาชน

การวิจัยที่จัดทําโดย Vietnam Petroleum Institute (VPI) แสดงให้เห็นว่า เวียดนามมีศักยภาพที่ดีในการพัฒนาตลาด EV ในอนาคต เนื่องจากอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในปัจจุบันอยู่ที่ 23 คันต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบของอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในประเทศไทย และหนึ่งในยี่สิบของอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในมาเลเซีย

นาง Phan Thi Thuy Duong ผู้อํานวยการศูนย์พัฒนาสถานีแบตเตอรี่ VinFast กล่าวว่า ด้วยประชากรประมาณ 100 ล้านคน เวียดนามมีศักยภาพสูงที่จะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสําหรับนักพัฒนา EV ในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้เวียดนามยังมีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สําคัญสําหรับการผลิตไฟฟ้าของภาคส่วนนี้

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามให้ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนร้อยละ 0 สําหรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ในอีกสองปีข้างหน้า ค่าจดทะเบียนจะเหลือเพียงร้อยละ 50 ของค่าจดทะเบียนสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่มีจํานวนที่นั่งเท่ากัน อัตราภาษีการบริโภคสําหรับรถยนต์ไฟฟ้ายังลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1-3 โดยมีผลจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2570 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันมักจะไม่คงที่ ในขณะที่ราคาไฟฟ้าค่อนข้างคงที่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตลาด EV นอกจากนี้ยังเป็นแรงจูงใจให้รถยนต์ไฟฟ้าครองตลาดและเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภค

จัดทำโดย สำนักงานส่งสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์

วิเคราะห์ผลกระทบ

จากข้อมูลของ VPI เวียดนามมีศักยภาพที่ดีในการพัฒนาตลาด EV ในอนาคต เนื่องจากอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในปัจจุบันอยู่ที่ 23 คันต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบของอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในประเทศไทย และหนึ่งในยี่สิบของอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในมาเลเซีย นับเป็นโอกาสที่บริษัทรถยนต์จะได้ไปเปิดตัวในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามมีการแข่งขันสูงระหว่าง
แบรนด์นำเข้าและแบรนด์ภายในประเทศ เนื่องจากเหตุผลดังนี้

  1. ชาวเวียดนามปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว
  2. รายได้ของชาวเวียดนามค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการใช้รถยนต์
  3. บริษัท Vinfast ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของเวียดนามได้ขยายการลงทุนของป็นในโรงงานแบตเตอรี่ในจังหวัดห่าติ๋ญ (Ha Tinh) ช่วยให้เวียดนามมีความกระตือรือร้นในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์สามารถแข่งขันได้มากขึ้น และผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น บริษัท VinFast ได้ลงทุนอย่างครอบคลุมในระบบ EV ตั้งแต่การผลิต ประกอบ ไปจนถึงการติดตั้งสถานีชาร์จทั่วทั้ง 63 เมืองและจังหวัดทั่วประเทศ

นำเสนอโอกาส/แนวทาง

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและได้รับการตอบรับอย่างดี
จากประชาชนเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงจำนวนมากของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวของเมืองของเวียดนามอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ต่อปี ด้วยจำนวนประชากรและชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคสนใจสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน และเห็นว่าระดับมลพิษในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่คือแรงจูงใจของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นแนวโน้มได้อย่างง่ายดายและกลายเป็นตัวเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ในขณะที่ ค่าไฟฟ้าค่อนข้างคงที่ส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม ทำให้เวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพสําหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login