อายุเฉลี่ยของรถยนต์ในเวียดนามที่ใช้งาน 5-7 ปี จะใกล้ถึงขั้นตอนการบำรุงรักษาครั้งใหญ่
และต้องใช้ชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนมาก โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมักจะมีระยะเวลาการรับประกัน 3-5 ปีและจําเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมครั้งใหญ่หลังจากใช้งาน 6-7 ปี
ด้วยรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกือบ 6 ปี จะมีความต้องการส่วนประกอบและชิ้นส่วนสำหรับการบำรุงรักษา การซ่อมแซม และการเปลี่ยนทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้
ที่งานแสดงสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ในนครโฮจิมินห์เมื่อปลายเดือนมิถุนายน Teoh Chee How หัวหน้าแผนกชิ้นส่วนยานยนต์หลังการขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัท ZF Aftermarket ผู้ขายส่วนประกอบและวางระบบสำหรับรถยนต์สัญชาติเยอรมันกล่าวว่า ในปี 2570 จำนวน รถใหม่บนถนนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และอายุเฉลี่ยของยานพาหนะในปัจจุบันใกล้ถึงเวลายกเครื่อง ทำให้เวียดนามเป็นตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีแนวโน้มความต้องการสูงและคุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจากการวิจัยโดยบริษัท ZF Aftermarket เวียดนามมีจำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน 2.5 ล้านคัน และมีอายุเฉลี่ยการใช้การ 5-7 ปี
Markus Wittig หัวหน้ากลุ่มธุรกิจรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของบริษัท ZF Aftermarket กล่าวว่าความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์เวียดนามต้องเผชิญคือการขาดการสนับสนุนในเชิงลึกความเป็นระบบ และเครื่องมือในการวิเคราะห์สำหรับพนักงานในศูนย์ซ่อมอิสระ
กำลังการผลิตรถยนต์ของประเทศเวียดนามอยู่ที่ 755,000 คันต่อปี โดยผลิตจากโรงงานที่เป็นของต่างชาติร้อยละ 35 (ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า) ความต้องการนำเข้าส่วนประกอบสำหรับการผลิตและการซ่อมแซมมีมูลค่าประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
จัดทำโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์
วิเคราะห์ผลกระทบ
ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงขยายตัว เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่
ในประเทศเวียดนามมีอายุการใช้งานอยู่ในระยะที่ต้องซ่อมบำรุง ความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่รถยนต์จึงเพิ่มสูงขึ้นตาม รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะมีรถยนต์ใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกร้อยละ 10 เวียดนามจึงเป็นตลาดที่น่าจับมอง นอกจากนี้ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์เวียดนามยังขาดแคลนการสนับสนุนในเชิงลึก ความเป็นระบบ และขาดเครื่องมือในการวิเคราะห์สำหรับพนักงานในศูนย์ซ่อมอิสระ
นำเสนอโอกาส/แนวทาง
ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ที่ขยายตัวเป็นอย่างมากในประเทศเวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและน่าจับตามองสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะลงทุนขยายตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากผู้ประกอบการที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีองค์ความรู้ในเชิงลึก และมีประสบการณ์ รวมถึงเครื่องมือครบครัน ทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันสูง ถึงแม้จะไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งอย่างจีนได้ แต่หากเลือกเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าที่ให้ความสนใจในคุณภาพสินค้ามากกว่าราคา ก็สามารถที่จะตีตลาดเวียดนามให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)