สำนักงานนโยบายและยุทธศาสต์การค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดประชุมหารือผู้ผลิตสินค้าและเกษตรกรกลุ่มอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป และกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ณ บริษัท ซีแวลู จำกัด (มหาชน) โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ กรมประมง กรมปศุสัตว์ และผู้ว่าราชการจังวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมประชุม
.
ในส่วนของภาคเอกชน สมาคมที่เข้าร่วมประชุมหารือ ได้แก่สมาคมแช่เยือกแข็งไทย, สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย, สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยง, สมาคมบรรจุภัณฑ์โลหะไทย, สมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทย, สมาคมกุ้งภาคตะวันออก และหอการค้าสมุทรสาคร
.
ภาพรวมของอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปของไทยตัวเลขมูลค่าการตลาดทั้งหมดในภาพรวมของปี 2562 ประมาณ 172,235 ล้านบาท ผลผลิตทั้งหมด 1,188,523 ตัน บริโภคในประเทศร้อยละ 22 ส่งออกร้อยละ 78 โดยประมาณการส่งออกปีที่แล้ว 2562 ทั้งหมด 173,961.78 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.28% ของการส่งออกของไทยทั้งหมด สำหรับไตรมาสแรกยอดส่งออกทั้งหมด 37,910 ล้านบาท ติดลบร้อยละ 9.77
.
สำหรับตลาดหลักประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีนและออสเตรเลียเป็นด้านหลัก สหรัฐอเมริกาเราส่งออกร้อยละ 21.4 ญี่ปุ่นร้อยละ 20.7 จีนร้อยละ 6.3 และออสเตรเลียร้อยละ 5.4 ผลิตภัณฑ์สำคัญมีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิดในภาพรวมประกอบด้วย (1) ปลาทูน่ากระป๋องปลาซาร์ดีนกระป๋อง (2) อาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากทูน่า (3) กุ้ง (4) ปลาหมึก และ (5) ปลา หมวดสำคัญของเราอันหนึ่งก็คือทูน่ากระป๋องซึ่งประเทศไทยส่งออกเป็นลำดับหนึ่งของโลกมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 28.5 มูลค่าการส่งออกปีที่แล้ว 67,673.3 ล้านบาท สำหรับปีนี้สามารถทำยอดออกมาเป็นบวกได้ร้อยละ 3 ส่วนไตรมาสที่สองภาคเอกชนประเมินว่าจะสามารถทำตัวเลขเป็นบวกได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 สำหรับตลาดหลักสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
.
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร และภาคเอกชนได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายว่าสำหรับไตรมาสที่สาม และไตรมาสที่สี่ของปี 2563 เพื่อให้ตัวเลขการส่งออกเป็นบวก โดยมีการดำเนินการร่วมกันใน 4 มาตรการ ดังต่อไปนี้
.
? มาตรการที่หนึ่ง การช่วยลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะกระป๋อง ส่วนใหญ่จะต้องรับซื้อจากในประเทศ ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง กรมการค้าต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการช่วยนัดผู้ผลิตเหล็ก, ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระป๋อง, ผู้แปรรูปและผู้ส่งออกในเรื่องอาหารทะเลมาพบเพื่อหาทางร่วมกันในการที่จะลดต้นทุน
.
? มาตรการที่สอง คือ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดในการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรหรือ UK ถ้าเป็นไปได้จะเดินหน้าทำ FTA กับแอฟริกาและกลุ่มประเทศยูเรเซียรวมทั้งการดำเนินหน้าที่จะผลักดันให้เกิดการลงนามในข้อตกลง RCEP ให้ได้ในปีนี้
.
? มาตรการที่สาม กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนในการเดินหน้าหาส่วนแบ่งเพิ่มเติมประกอบด้วย 4 ตลาด 1.จีน 2.รัสเซีย 3.แอฟริกาใต้ 4.อเมริกาใต้ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ก็จะไปทำแผนงานที่เป็นรูปธรรมออกมาว่าเราจะสามารถดำเนินการกับตลาดเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
.
? มาตรการที่สี่ รัฐกับเอกชน ร่วมมือกันในการช่วยทำประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับของชาวโลกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยของอาหาร ในช่วงวิกฤติโควิดเพื่อให้คนทั้งโลกได้เกิดความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยที่ส่งออกไปนั้นปลอดจากโควิด นอกจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ยังมีกระทรวงเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ที่จะร่วมกันทำ MOU ในการออกหนังสือรับรอง COVID free certificate ว่าผลิตภัณฑ์จากโรงงานปลอดจากเชื้อโควิดได้ 100% เพื่อที่จะใช้เป็นอีกเอกสารในการโฆษณาอาหารไทยกับตลาดโลกต่อไป เพื่อทำตัวเลขในไตรมาสสามกับสี่ให้ดีขึ้นสำหรับหมวดอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง
.
ทางด้านภาคเอกชน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า “ในส่วนแรกอย่าลืมว่าบ้านเรามีการทำตลาดอาหารสำเร็จรูปปลากระป๋องแช่แข็งทำเยอะมากกับกลุ่มรีเทลเลอร์หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เราทำกับฟู้ดเซอร์วิสน้อย แต่ตอนนี้ผลกระทบจากโควิดกลุ่มการบริการอาหารเช่น ภัตตาคาร โรงแรม การบินการบินมีปัญหาหมดแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายดีมากเพราะคนซื้อของกลับบ้านกิน จึงเป็นโอกาสทางการตลาดของอาหารแช่แข็ง ไม่มีปัญหาลูกค้าสั่งซื้อเยอะ และในส่วนที่สอง คือ วัตถุดิบค่อนข้างที่จะมีเสถียรภาพในแง่ของจำนวนกับราคาดีพอควร กุ้งที่มีปัญหาอยู่ในแง่จำนวน ที่ผ่านมาทางรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรก็ได้ทำงานอย่างเคร่งเครียดโดยกรมประมง กับผู้เลี้ยงและสมาคมมาเดือนกว่าถึงสองเดือนแล้วในการหามาตรการช่วยเหลือทั้งห่วงโซ่
.
ดร ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยและนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ ปัญหาคลี่คลายดีมากก็คิดว่าอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาสามารถมีวัตถุดิบเพียงพอในการป้อนตลาดต่างประเทศเรามั่นใจว่าปีนี้ทั้งปีตัวเลขจะโตไม่ต่ำกว่า 10%”