หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > คาดยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในฟิลิปปินส์แตะ 6.6 ล้านคันในปี 2573

คาดยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในฟิลิปปินส์แตะ 6.6 ล้านคันในปี 2573

 

                    นาย Ferdinand Raquel Santos ประธานกิตติคุณสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งฟิลิปปินส์ (Electric Vehicle Association of the Philippines: EVAP) เปิดเผยในระหว่างการประชุม Philippine Electric Vehicle Summit (PEVS) ว่า สมาคมฯ คาดการณ์ยอดรวมรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนในประเทศ จะสูงถึง 6.6 ล้านคันภายในปี 2573 โดยได้รับแรงหนุนจากการยอมรับรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว และได้แสดงความมั่นใจในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากสังเกตว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ โดยระบุว่าในปีนี้ รถยนต์ EV ที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และตัวเลขจากสมาคม EVAP แสดงให้เห็นว่ายอดขาย EV ในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตอย่างมาก สูงถึง 2,536 คัน โดยในเดือนมกราคม มียอดจำหน่าย 452 คัน เดือนกุมภาพันธ์จำนวน 760 คัน และเดือนมีนาคม จำนวน 1,324 คัน นอกจากนี้ ยังเห็นถึงการเติบโตของรถไฟฟ้าสองล้อจำนวนมากอีกด้วย โดยสังเกตว่ารถไฟฟ้าสองล้อคิดเป็นประมาณร้อยละ 60 – 70 ของรถยนต์ EVในประเทศ ทั้งนี้ ประธานกิตติคุณสมาคม EVAP กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ก็เห็นว่าจะมีเครื่องยนต์สันดาปภายในประเทศน้อยลงภายในปี 2573 โดยอาจจะไม่ผลิตเครื่องยนต์สันดาปหรือICE อีกต่อไป ดังนั้น ยอดขายรถยนต์ใหม่หรือ การขายรถยนต์ในอนาคตจะเป็นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดหรือมีเครื่องยนต์สันดาปบ้างแต่ก็จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2568จะมีการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าสองล้อในท้องถิ่นจำนวนมาก

                     ขณะที่นาย Edmund Araga ประธานสมาคม EVAP กล่าวว่า กระทรวงพลังงานซึ่งเป็นพันธมิตรของสมาคม EVAP กำลังผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์ EV ทั่วประเทศได้เร็วขึ้นภายใต้แผนยุทธศาสตร์ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Roadmap for the Electric Vehicle Industry: CREVI) ในการดำเนินการตามกฎหมาย EVIDA (The Eectiric Vehicle Industry Development Act) เป็นวงกว้างและรัดกุมยิ่งขึ้น โดยภายใต้กฎหมาย EVIDA ได้กำหนดและจัดทำกรอบนโยบายระดับชาติเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม EV ของประเทศซึ่งมุ่งส่งเสริมนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดและการขนส่งที่ยั่งยืนในขณะเดียวกันก็ช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศและการสร้างงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายที่ชัดเจนในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในการผลิตและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World

 

บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

                    ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดที่ยังมีขนาดจำกัดมากและอยู่ในช่วงระยะเริ่มแรก ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก รวมถึงการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบทั้งการยกระดับเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม การเพิ่มกำลังการผลิต และการสร้างตลาดในประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันจำนวนรถยนต์ EV ในฟิลิปปินส์ยังมีสัดส่วนจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั้งหมดเครื่องยนต์สันดาปทั้หมดโดยส่วนใหญ่ยังเป็นรถสองล้อไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งใช้ในการขนส่งผู้โดยสารในระยะทางสั้นๆ ขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลแบบไฮบริดและไฟฟ้าเต็มรูปแบบถูกครอบครองโดยกลุ่มคนที่มีรายได้สูงไม่กี่ราย นอกจากนี้ฟิลิปปินส์ยังมีสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ EV เพียงไม่กี่แห่งและส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเขตเมโทรมะนิลา รวมทั้งปัจจุบันรถยนต์ EV ในฟิลิปปินส์ค่อนข้างมีราคาสูงกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป (ICE) มาก อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการเติบโตของรถยนต์ EV ดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสของรถยนต์ EV ในตลาดฟิลิปปินส์ในอนาคต ประกอบกับรัฐบาลฟิลิปปินส์เองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศในการปรับตัวเข้าสู่ระบบนิเวศการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้ชาวฟิลิปปินส์หันสนใจซื้อมากขึ้น ดังนั้น ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของฟิลิปปินส์จึงเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของไทย ในอนาคตที่จะเข้ามาขยายตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ได้อีกมาก เนื่องจากฟิลิปปินส์ยังมีอัตราจำนวนรถยนต์ EV อยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์ยังเป็นตลาดส่งออกรถยนต์อันดับ 2 ของไทย โดยในปี 2565 (เดือนมกราคม – กันยายน) สถิติการส่งออกกลุ่มสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยมายังฟิลิปปินส์มีมูลค่า 1,829.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าส่งออก 1,379.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 62

——————————————————

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

10 พฤศจิกายน 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login