ครึ่งปีหลังคาดธุรกิจในเช็กเริ่มคึกคัก นักลงทุนสนใจกิจการเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์ด้านการลงทุนประเภทควบรวมกิจการของภาคธุรกิจจะยังคงลดน้อยลง แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคและภาษีใหม่ที่จะใช้ในปี 2567 อาจจะทำให้ทิศทางการควบรวมกิจการเริ่มขยับขยายมากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 สถานการณ์ตลาดการลงทุนของเช็ก มีจำนวนการควบรวมกิจการเพื่อการลงทุนลดลง แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีสภาพคล่องทางการเงิน และเตรียมการสำหรับการควบรวมกิจการ โดยบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี สื่อต่าง ๆ และโทรคมนาคม มีแนวโน้มว่าจะได้รับความสนใจในการแสวงหาและควบรวมกิจการมากที่สุด
PwC ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ได้เผยว่า ตัวเลขการควบรวมกิจการในช่วงระหว่างเดือน มกราคมถึงเดือนมิถุนายนปี 2566 ปรับเพิ่มจาก 63 เป็น 85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประมาณ 1 ใน 4 ของการควบรวมกิจการทั้งหมดในสาธารณรัฐเช็ก เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยี สื่อ หรือการสื่อสาร นอกจากนี้ สาขาพลังงานก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน โดยมีแรงกระตุ้นจากแนวโน้มการขยายตัวของการเน้นในเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอนและเศรษฐกิจที่เน้นการใช้พลังงานต่ำ รวมไปถึงการเน้นในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมและการบริหารจัดการที่ดีขององค์กร การมีพลังงานแสงอาทิตย์และบริษัทด้านพลังงานทดแทนอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก
ผู้อำนวยการของบริษัทที่ปรึกษา PwC ได้อธิบายว่า มีเหตุผลหลายประการที่การควบรวมกิจการมีลดลง กล่าวคือ ผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 อัตราดอกเบี้ยที่สูงและภาวะเงินเฟ้อ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน
นายมิโรสลาฟ หนึ่งในผู้บริหารของ PwC ระบุว่า แม้ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวยังคงมีอยู่ แต่อัตราดอกเบี้ยในระดับที่เหมาะสมและเงินเฟ้อที่ลดลง อาจจะช่วยทำให้การดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยผู้ซื้อเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แทนที่จะเป็นผู้ขายที่เข้ามากำหนดตลาดดังเช่นปีที่ผ่าน ๆ มา
นาย Hadrava ผู้อำนวยการ PwC ให้ความเห็นว่า แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่เอื้ออำนวยในการลงทุน แต่ยังเห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น และระบุว่านักลงทุนที่ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่กล้ามาลงทุนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในตอนนี้จะกลับมาเริ่มลงทุนใหม่ ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความคึกคักขึ้น
สำหรับอีกสาเหตุหนึ่งที่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวของการควบรวมกิจการคือ การมีภาษีสำหรับการขายหุ้นของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งถ้าแผนดังกล่าวผ่านการเห็นชอบในสภา จะมีการใช้บังคับภาษีดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป ดังนั้น จึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจการในปีนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าว
ข้อเสนอแนะ/โอกาส/แนวทาง
ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศสาธารณรัฐเช็กเริ่มมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางบวก ทั้งจากปัจจัยเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง ความคึกคักของตลาดทั้งในส่วนของการบริโภคภายในประเทศที่ประชาชนเริ่มมีความผ่อนคลายจากความกังวล รวมถึงภาคธุรกิจที่เริ่มมีสภาพคล่อง และเตรียมวางแผนการลงทุนหากิจการใหม่ ๆ ที่น่าสนใจจากที่เดิมในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดการลงทุนค่อนข้างซบเซา มีแนวโน้มว่าในช่วงครึ่งปีหลัง แรงกระตุ้นจากเรื่องภาษีระบบใหม่ที่คาดว่าจะใช้ในปีหน้าและภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น จะทำให้มีการแสวงหาและควบรวมกิจการของภาคธุรกิจมีเพิ่มขึ้น
สำหรับธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติมีความสนใจแสวงหาผู้ร่วมทุนและการลงทุนใหม่ในสาธารณรัฐเช็ก คือกิจการด้านเทคโนโลยี สื่อต่าง ๆ และโทรคมนาคม ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม และพลังงานทดแทน จึงทำให้เห็นโอกาสสำหรับกลุ่มสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาระบบดิจิทัล และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดและมีศักยภาพด้านการบริการในสาขาดังกล่าว ควรศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ หรือการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในด้านการบริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในอนาคต
*******************************
expats.cz
ข่าวรายสัปดาห์ 7 – 11 สิงหาคม 2566
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)