เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 นายคำเจน วงศ์โพสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน สปป.ลาว ได้กล่าวในการประชุมสภาแห่งชาติเกี่ยวกับความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมาตรการควบคุมเงินเฟ้อว่า การอ่อนค่าของกีบส่งผลให้ GDP ต่อหัวลดลงจาก 2,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 เป็น 1,824 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566 ขณะที่รัฐบาลวางแผนที่จะเพิ่มตัวเลขเป็น 2,880 ดอลลาร์ภายในปี 2568 ซึ่งบ่งชี้ว่ารายได้ของผู้คนลดลงตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ค่าเสื่อมราคาของเงินกีบเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อและราคาที่สูงขึ้น จึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมาตรฐานการครองชีพของประชาชน การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2564 และร้อยละ 4.4 ในปี 2565 อัตราการเติบโตคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.2 ในปี 2566 และร้อยละ 4.5 ในปีหน้าอย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 33.69 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะลดลงจากร้อยละ 41.26 ในเดือนกุมภาพันธ์ เหลือร้อยละ 25.69 ในเดือนกันยายน
นอกจากนี้ นายคำเจนกล่าวว่าเงินกีบมีมูลค่าลดลงร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายนของปีก่อนหน้า ซึ่งรัฐบาลให้คำมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อและเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ประเทศเอาชนะความท้าทายที่เผชิญอยู่ และรัฐบาลจะต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงป้องกันไม่ให้ประเทศเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามที่จะปรับปรุงคุณภาพการบริการของรัฐ สร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่นเพื่อบรรเทาความยากจน และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่ออำนวยความสะดวกในการผลิตทางการเกษตรและสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น
ที่มา : Vientiane Times
*******************************
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)