หน้าแรกTrade insightการค้าระหว่างประเทศ > การปรับปรุงคุณภาพสินค้า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างเวียดนามและจีน

การปรับปรุงคุณภาพสินค้า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างเวียดนามและจีน

การปรับปรุงคุณภาพสินค้าควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญต่อการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างเวียดนามและจีน นาย เจิ่น แท็งห์ ไห่ (Tran Thanh Hai) รองผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้า-ส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากล่าวว่า การค้าชายแดนระหว่างเวียดนาม-จีนกำลังได้รับการพัฒนามากขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังจีนง่ายอีกต่อไป เมื่อมีมาตรการการนำเข้าที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้ประกอบการต่างๆ ในเวียดนามจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการแปรรูปที่ต้องเน้นด้านคุณภาพ โดยสิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือ การเพิ่มความตระหนักรู้ของทั้งหน่วยงานภาคท้องถิ่นและผู้ประกอบการเกี่ยวกับการค้าอย่างเป็นทางการกับจีน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินตลาดจีนได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามไปยังจีนคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 9 ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมดของจีน จีนกำลังควบคุมเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหารอย่างเข้มงวด ฉะนั้น ภาคท้องถิ่นควรมีการวางแผนระยะยาวเพื่อปรับทิศทางให้เปลี่ยนไปใช้การส่งออกอย่างเป็นทางการและส่งเสริมการส่งออกที่ยั่งยืนร่วมกับจีน นอกจากนี้ผู้ประกอบการต่างๆ จำเป็นต้องมีความเข้าใจในตลาดและศึกษาตลาดอย่างรอบคอบก่อนส่งออกสินค้าไปยังจีน

นาย เหงียน ฮ่ง เญียน (Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากล่าวว่า เวียดนามมีโอกาสในการเพิ่มการส่งออกไปยังจีนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อประเทศจีนมีการเปิดชายแดนอีกครั้งหลังจากการระบาดของ Covid-19 และผู้บริโภคของจีนมีความต้องการสินค้าเป็นจำนวนมาก

นาย ฟู่ง ดึ๊ก เตี้ยน (Phung Duc Tien) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า นอกจากให้การสนับสนุนผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดของจีนแล้ว ยังจำเป็นต้องปรับปรุงระบบข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลตลาดแก่ผู้ประกอบการ และส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ

นาย โห่ เตี๊ยน เถียว (Ho Tien Thieu) ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัด Lang Son กล่าวว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ด่านชายแดนยังไม่ตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่สำหรับกิจกรรมนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะระบบคลังสินค้า สถานีจอดรถ และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับกิจกรรมนำเข้าและส่งออก ทำให้เกิดปัญหาความแออัดในด่านชายแดนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ จีนกำลังใช้ข้อกำหนดใหม่สำหรับฉลาก คุณภาพ และการตรวจสอบแหล่งที่มา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มด่านชายแดนดิจิทัลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพพิธีการศุลกากร แพลตฟอร์มด่านชายแดนดิจิทัลจะช่วยลดเวลาในการเอกสารศุลกากรจาก 30 นาทีเหลือ 3-5 นาที

นาย เหงียน อัน ต่าย (Nguyen Anh Tai) รองผู้อำนวยการกรมศุลกากรจังหวัด Lang Son กล่าวว่า เวียดนามจำเป็นต้องมีลงทุนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับด่านชายแดนและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริการจัดการ นอกจากนี้ขอให้เร่งเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันความแออัดและทำให้การส่งออกผลิตผลทางการเกษตรของเวียดนามผ่านด่านชายแดนไปยังจีนง่ายขึ้น

สถิติของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแสดงให้เห็นว่า ในปี 2565 รายได้จากการนำเข้าและส่งออกรวมของสินค้าระหว่างเวียดนามและจีนมีมูลค่า 175,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2564

                                         (จาก https://vietnamnews.vn/ )

ข้อคิดเห็น สคต

จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเวียดนาม โดยในไตรมาสแรกของปี 2566 การค้าระหว่างเวียดนามและจีนมีมูลค่า 10,190             ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การลดลงน้อยกว่าอัตราการเติบโตของเดือนมกราคมที่มีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 24.33 และในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงร้อยละ 18.72 ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกในการเติบโตของการค้าระหว่าง 2 ประเทศ และคาดการณ์ว่าการส่งออกไปยังประเทศจีนจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่ายกำลังพัฒนาไปตามทิศทางที่ดี รวมถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการอำนวยความสะดวกในการผ่านพิธีการศุลกากรที่ด่านชายแดน และส่งเสริมการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้น  เวียดนามมีพรมแดนติดกับประเทศจีนทางตอนเหนือของเวียดนามที่มีความยาวกว่า 1,449 กม. โดยมีด่านชายแดนสากล 7 แห่ง ด่านชายแดน 6 แห่ง การเปลี่ยนไปดำเนินการส่งออกอย่างเป็นทางการมีความสำคัญสูง เพื่อส่งเสริมการส่งออกที่ยั่งยืนร่วมกับจีน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบทั้งในด้านความต้องการของตลาด การลงทุนในการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ การรับรองความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login