MISTINE เริ่มต้นในปี 1988 ในฐานะธุรกิจขายตรงเครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จในไทย แต่ในช่วงหลังความนิยมในไทยลดลง ขณะที่กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในจีนโดยเฉพาะในปี 2018 หลังเปิดตัวครีมกันแดดฝาสีเหลืองซึ่งตอบโจทย์ตลาดจีนด้วยคุณภาพสูง ราคาเข้าถึงง่าย (60 มล. ราคา 400 บาท หรือ 6.7 บาท/มล.)
ทั้งนี้เหตุผลที่ครีมกันแดด MISTINE ฮิตในประเทศจีน อาจเป็นเพราะราคาเหมาะสม ถูกกว่าแบรนด์ต่างประเทศอย่าง Lancôme และ ANESSA คุณภาพดี กันแดดได้ดี ซึมง่าย ติดทน ภาพลักษณ์สินค้าไทย คนจีนเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยคุณภาพดี โดยเฉพาะครีมกันแดดที่เหมาะกับอากาศร้อน การประชาสัมพันธ์ผ่านแพลตฟอร์มที่วัยรุ่นจีนเข้าถึงอย่าง Douyin (ยอดวิว 40 ล้านครั้งในวันเดียว) และใช้พรีเซนเตอร์ดังชาวจีน เช่น จ้าวลู่ซือ ทั้งนี้ยังไม่รวม KOL ที่มีชื่อเสียงที่มารีวิวการใช้งานจนเกิดกระแสนิยมในตลาดออนไลน์อีกด้วย
แหล่งที่มาของรูป: https://www.mistine.co.th
หากดูจากตัวสถิติการขายสินค้าในตลาดจีน จะเห็นได้ว่าปี 2022 MISTINE มีส่วนแบ่งการตลาดครีมกันแดด 6.6% (อันดับ 2 รองจาก ANESSA) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6,150 ล้านบาท โดยครึ่งแรกปี 2023 ยอดขายในแพลตฟอร์ม T-mall สูงสุดในหมวดครีมกันแดดที่ 3,800 ล้านบาท และในแพลตฟอร์ม Douyin ยอดขายในปี 2023 อยู่ที่ 301 ล้านชิ้น นอกจากนี้ สินค้าอื่นอย่างคุชชันก็ได้รับความนิยมสูงในจีนเช่นกันรายได้รวมของMISTINEในจีนปี 2022 ทะลุ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ารายได้ทั้งหมดในไทย (4,229 ล้านบาท)
ความคิดเห็นของ สคต. เซี่ยงไฮ้
Mistine ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์ไทยสามารถประสบความสำเร็จในตลาดจีนได้ หากมีกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศการสร้างความนิยมในประเทศจีน หรือการเลือกแพลตฟอร์มในการทำการตลาดหรือประชาสัมพันธ์ ไม่เพียงส่งผลดีต่อยอดขายของ Mistine แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าไทยในตลาดโลกอีกด้วย
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
ถอดกลยุทธ์ มิสทิน (MISTINE) แบรนด์ไทยกับการใช้ “ความเป็นไทย” บุกตลาดจีนจนประสบความสำเร็จ
https://www.longtunman.com/49910
https://www.mistine.co.thhttps://www.163.com/dy/article/JLASIC7T0552QJ47.html
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้
มกราคม 2568
อ่านข่าวฉบับเต็ม : กระแสเครื่องสำอางค์ไทย แบรนด์ MISTINE