กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานใน ‘World Economic Outlook Update, มกราคม 2024’ ประมาณการว่าปี 2024 การเติบโตทางเศรษฐกิจของไนจีเรียอยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 3.1 ในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งในเวลานั้น กล่าวว่า “การเติบโตในไนจีเรียคาดว่าจะลดลงจากร้อยละ 3.3 ในปี 2022 เป็นร้อยละ 2.9 ในปี 2566 และร้อยละ 3.1 ในปี 2024 โดยมีผลกระทบด้านลบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงต่อการบริโภค และคาดว่าเศรษฐกิจของไนจีเรียจะเติบโตร้อยละ 3.1 ในปี 2025 ทั้งนี้ การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2024 นั้นน้อยกว่าที่รัฐบาลไนจีเรียคาดการณ์ไว้ในปี 2024 ที่ร้อยละ 3.76
ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางไนจีเรีย กล่าวถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “การคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากรัฐบาลกลางของไนจีเรียคาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่แท้จริงที่ร้อยละ 3.76 ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ในปี 2023 เล็กน้อยที่ร้อยละ 3.75”
การปรับลดลงของการเติบโตในปี 2024 ที่ร้อยละ 0.2 จากเดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยลบเนื่องจากข้อจำกัดด้านลอจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นและในภาคการขนส่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ในปี 2024 และร้อยละ 3.2 ในปี 2025 โดยระบุว่าการเติบโตที่คาดหวังนี้เกิดจากการฟื้นตัวที่คาดไว้ในสหรัฐอเมริกา ตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่หลายแห่ง และประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนการสนับสนุนทางการเงินในจีน
อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับใหม่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศชื่อ ‘คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟสรุปการประเมินทางการเงินไนจีเรีย’ ได้ระบุว่าไนจีเรียกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น วิกฤตการแลกเปลี่ยน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การปิดตัวของธุรกิจ การเติบโตทางเศรษฐกิจต่อหัวที่หยุดชะงัก ความยากจน และความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับสูงซึ่งทำให้วิกฤตค่าครองชีพในไนจีเรียรุนแรงขึ้น ตามรายงานระบุอีกว่าการเก็บรายได้ที่ต่ำได้ขัดขวางการให้บริการและการลงทุนสาธารณะ โดยตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับสูงสะท้อนถึงผลกระทบของการยกเลิกเงินอุดหนุนเชื้อเพลิง การอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยน และผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ดีในประเทศโดยไนจีเรียเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่ยากลำบากและความท้าทายภายในประเทศที่หลากหลาย การจัดหาเงินทุนภายนอกขาดแคลน และราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น สะท้อนถึงผลกระทบจากความขัดแย้งและการกระจายตัวของเศรษฐกิจทางภูมิศาสตร์
อนึ่ง กองทุนการเงินฯ ยังแสดงความมองโลกในแง่ดีว่าฝ่ายบริหารชุดใหม่ได้เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งโดยจัดการกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกในสถานการณ์ที่ท้าทาย ทันใดนั้นได้นำการปฏิรูปนโยบาย 2 ประการที่รัฐบาลก่อนได้หลีกเลี่ยง กล่าวคือ การยกเลิกเงินอุดหนุนเชื้อเพลิง และการรวมอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ และกล่าวเสริมว่าทีมงานธนาคารกลางของไนจีเรียชุดใหม่ได้กำหนดให้เสถียรภาพด้านราคาเป็นหน้าที่หลัก และแสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหานี้โดยการลดบทบาทเดิมในด้านการเงินเพื่อการพัฒนาฯ ตามข้อมูลจากสำนักงานจัดการหนี้ ปัจจุบันไนจีเรียเป็นหนี้กองทุนการเงินฯ จำนวน 2.8 พันล้านดอลลาร์ ในงบประมาณปี 2024 รัฐบาลกลางวางแผนที่จะใช้จ่ายประมาณ 8.2 ล้านล้านไนร่า
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ไอเอ็มเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจไนจีเรียเติบโต 3% ในปี 2024