หน้าแรกTrade insightข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ > รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำเดือนมกราคม 2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำเดือนมกราคม 2567

  1. สรุปภาพรวมทั่วไป

เศรษฐกิจ

สำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Center of Iran : SCI)  รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอิหร่านช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน ( 21 มี.ค.-21 ก.ย. 2566) เติบโตที่อัตราร้อยละ 4.7  (รวมน้ำมันดิบ) และร้อยละ 3.6 (ไม่รวมน้ำมันดิบ) ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือ GDP ณ ราคาพื้นฐานคงที่ของปี 2554 ในสองไตรมาสแรก มีมูลค่า 8,110.7 พันล้านเรียล (รวมน้ำมันดิบ) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 4.7 ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 7748.1 พันล้านเรียล (รวมน้ำมันดิบ) ซึ่งแสดงถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศอิหร่าน (GDP) เพิ่มสูงขึ้น โดยภาคเกษตรกรรมเติบโตร้อยละ 0.7 ภาคอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ ขยายตัวร้อยละ 3.8 และภาคบริการ ขยายตัวร้อยละ 4.2

แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะแสดงตัวเลขการเพิ่มขี้นของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่การเติบโตนี้ยังไม่สากล กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอิหร่านสูงไม่ได้มากนัก ซึ่งตามสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของอิหร่านยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรังและความไม่มั่นคงด้านราคา และการอ่อนค่าของเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากการคว่ำบาตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคต เป็นเหตุให้ความประพฤติทางการบริโภคและการออมทรัพย์ของประชาชนชาวอิหร่านในปัจจุบันเปลี่ยนไป ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ เรื้อรังประชาชนชาวอิหร่านจะไม่ออมเงินหรือสะสมเงินสดไว้กับธนาคารในระยะยาวเนื่องจากค่าเงินสกุลท้องถิ่นมีค่าอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะเก็บออมเงินในรูปของการซื้อเงินตราในสกุลเงินต่างประเทศหรือซื้อเหรียญทองเก็บสะสมไว้เป็นทุนทรัพย์

ทั้งนี้ สถาบันเฟรเซอร์ (Fraser Institute) ได้จัดลำดับการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ของโลกในปี 2023 จำนวน 165 ประเทศ พบว่า ประเทศอิหร่านจัดอยู่ในลำดับที่ 160 โดยสถาบันเฟรเซอร์ (Fraser Institute) ได้ประกาศค่าดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.53 จาก 10 ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 4.58

อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาล “เอบราฮิม ไรซี” ในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณปัจจุบัน (23 ก.ย. 2566- 19 มี.ค. 2567) เป็นช่วงที่รัฐบาลเป็นหนี้และมีค่าใช้จ่ายสูงรวมถึงการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในช่วงเดือนสุดท้ายของปีสุริยคติ ก่อนการขึ้นปีงบประมาณใหม่ของอิหร่าน

ธนาคารโลก (The World Bank) คาดการณ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ว่าจะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยได้ประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิหร่านในปี 2023 ที่ร้อยละ 4.1 ขณะที่ในปี 2024 คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิหร่านอยู่ที่ร้อยละ 3.5

อัตราเงินเฟ้อ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Centre of Iran : SCI)  รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในครัวเรือน ของเดือนที่ 10 ปีอิหร่าน 1402 (22 ธ.ค.2566 – 20 ม.ค. 2567) อยู่ที่ 222.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับเดือนที่ 9 ของปีอิหร่าน (22 พ.ย.- 21 ธ.ค. 2566) เทียบกับเดือนที่ 9 ของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 และในช่วง 12 เดือน (เริ่ม 22 ธ.ค.2566- 21 ม.ค.2566) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.46 ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของครัวเรือนแบบจุดต่อจุด หมายถึงร้อยละของการเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมากับเดือนที่ 10 ปีอิหร่าน 1402 อัตราเงินเฟ้อของครัวเรือนแบบจุดต่อจุด อยู่ที่ร้อยละ 40.2  กล่าวคือในเดือนที่ 9 ของปีอิหร่าน 1402 ประชาชนอิหร่านใช้เงินในจำนวนที่มากกว่าเดือนที่ 38.5 ของปีอิหร่านที่ผ่านมา เพื่อจับจ่ายใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการชนิดเดียวกันเพิ่มขี้นร้อยละ 38.5

อย่างไรก็ตาม พบว่า อัตราเงินเฟ้อแบบจุดต่อจุดของเดือนที่ 10 ของปีอิหร่าน 1402 ลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนที่ 9 ปีอิหร่าน 1402 ตรงกับ 22 พ.ย.- 21 ธ.ค. 2566)

อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประจำปี หมายถึง ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของจำนวนดัชนีราคาเฉลี่ยในช่วงหนึ่งปีที่สิ้นสุด ณ เดือนปัจจุบัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งในเดือนที่ 10 ปีอิหร่าน 1402 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครัวเรือนของประเทศสูงถึงร้อยละ 43.6 ซึ่งลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงหนึ่งปีเดียวกันที่สิ้นสุด ณ เดือนก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประจำเดือน หมายถึง ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งจากรายงานวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อรายเดือนของดัชนีราคาผู้บริโภคชี้ให้เห็นว่าในเดือนที่ 10 ปีอิหร่าน 1402 (22 ธ.ค.2566- 20 ม.ค. 2567) อัตราเงินเฟ้อในครัวเรือนของประเทศเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยอัตราเงินเฟ้อรายเดือนของกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ อยู่ที่ร้อยละ 2.4 และกลุ่มสินค้าและบริการที่นอกเหนือจากอาหารอยู่ที่ร้อยละ 2.7

ทั้งนี้ ตามรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของธนาคารโลก (The World Bank)  ล่าสุดได้รายงานอัตราเงินเฟ้อของประเทศอิหร่านในปีปัจจุบัน 2023 ที่อัตราร้อยละ 42.6  และคาดว่าจะลดลงร้อยละ 6.8 เหลือเป็น ร้อยละ 35.8 ในปี 2024 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือในปีปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.3

การว่างงาน

ตามรายงานสำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Centre of Iran : SCI)  อัตราการว่างงานในฤดูใบไม้ร่วงปีอิหร่านปัจจุบัน 1402  (23 ก.ย. – 21 ธ.ค.2566) ลดลงเหลือร้อยละ 7.6 นับเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดที่บันทึกไว้นับตั้งแต่ปี 2005 ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีประชากรทำงานในประเทศเพิ่มขึ้นจำนวน 2,430,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการจ้างงานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2553 ทั้งนี้อัตราการว่างงานของประชากรอายุระหว่าง 15-29 ปีของฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ที่ร้อยละ 8.2 ลดลงเป็นร้อยละ 7.6 ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานต่ำที่สุดสำหรับกลุ่มอายุนี้นับตั้งแต่ปี 2021

การลงทุนจากต่างประเทศ

ทุกปีที่มีการจัดวาระการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( UNCTAD ) จะมีการเผยแพร่สถิติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างประเทศของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งตามรายงาน พบว่า ในปี 2022 จำนวนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอิหร่านมีมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จำนวนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอิหร่านในปี 2021 มีมูลค่า 1.425 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่าจำนวนการลงทุนจากต่างประเทศในอิหร่านในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 (หรือคิดเป็นมูลค่า 75 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งในบรรดาประเทศเอเซียตะวันตก 10 ประเทศ อิหร่านจัดอยู่ในประเทศที่ 4 ด้านการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรองจากประเทศซาอุดิอาระเบีย โอมานและบาห์เรน

กระบวนการลงทุนจากต่างประเทศของอิหร่านต้องเผชิญกับภาวะขึ้นๆ ลงๆ มากมาย สาเหตุที่สำคัญที่สุด ได้แก่ การคว่ำบาตรระหว่างประเทศ ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในอิหร่าน

 2 . การค้าระหว่างประเทศ

การส่งออก

กรมศุลกากรอิหร่าน (The Islamic Republic of Iran Customs Administration : IRICA) ได้รายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของอิหร่านในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน (22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม 2566) พบว่าอิหร่านส่งออกสินค้าไปต่างประเทศแล้วมูลค่า 36,434 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าลดลงร้อยละ 0.68 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรกได้แก่ จีน อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกีและอินเดีย อิหร่านส่งออกสินค้าไปยังจีนมากที่สุด ด้วยมูลค่า 10,312 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 28.30 ของมูลค่าการส่งออก  ในส่วนของการค้ากับไทย อิหร่านส่งสินค้าออกไปไทยแล้วมูลค่า 278,984,180 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสินค้าส่งออกหลักได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ยูเรีย สัตว์น้ำทะเลแช่แข็งและแช่เย็น สินค้าเกษตร เป็นต้น

การนำเข้า

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีปัจจุบัน อิหร่านนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมูลค่า 48,358 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 12.29 โดยมีนำเข้าหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน ตุรกี เยอรมัน และอินเดีย โดยอิหร่านนำเข้าสินค้าจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่า 15,009 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 31.04 ของการนำเข้า ในส่วนของการนำเข้าจากไทย อิหร่านนำเข้าสินค้าจากไทยมีมูลค่า 88,965,667 เหรียญสหรัฐฯ สินค้าที่นำเข้าสำคัญ ได้แก่ เอ็มดีเอฟ ข้าวโพดหวาน สับประรดกระป๋อง อุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ ยางพารา  เป็นต้น

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์การค้าระหว่างประเทศอิหร่านพบว่า ปริมาณรายได้ที่รัฐบาลอิหร่านได้รับจากการส่งออกสินค้านอกเหนือจากน้ำมันดิบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นได้ว่าอิหร่านได้รับผลกระทบของจากการคว่ำบาตร แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะสร้างรายได้และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศอิหร่านก็ตาม แต่ในทางกลับกันการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการแลกเปลี่ยน การขนส่ง และอื่นๆ รวมถึงการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของต้นทุน ทำให้กำลังการผลิต และการแข่งขันลดลง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าของอิหร่านลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาเงินตราต่างประเทศให้กับผู้นำเข้าภาคเอกชน ตลอดจนข้อจำกัดทางศุลกากร ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มต้นทุนภาคการผลิตซึ่งทำให้การผลิตภายในประเทศลดลงไปด้วย ปัจจุบันหากมีการนำเข้าสินค้าทางผู้นำเข้าจำเป็นต้องใช้เงินสกุลต่างประเทศที่ได้จากการส่งออกสินค้า ซึ่งเรียกว่า Import against Export ในการนำเข้าสินค้า

อ่านข่าวฉบับเต็ม : รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำเดือนมกราคม 2567

Login