หน้าแรกTrade insightเครื่องดื่ม > กรณีศึกษาแก้ว Stanley ฟีเวอร์ในสหรัฐฯ

กรณีศึกษาแก้ว Stanley ฟีเวอร์ในสหรัฐฯ

“เล่าข่าวการค้า” โดย สคต. ชิคาโก EP9 เรื่อง กรณีศึกษาแก้ว Stanley ฟีเวอร์ในสหรัฐฯ

 

 

แก้วเก็บอุณหภูมิหรือที่มักจะเรียกกันติดปากว่าแก้ว Tumbler ซึ่งมีคุณสมบัติเก็บอุณภูมิเครื่องดื่มได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง เป็นภาชนะที่ได้รับความสนใจและนิยมในกลุ่มผู้บริโภคอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ “Yeti” “Hydroflask” และล่าสุด แบรนด์ “Stanley” ที่จะเพิ่งเป็นข่าวในโลกออนไลน์ ถึงกระแสคลั่งไคล้ของชาวอเมริกันที่มีต่อแก้ว Stanley รุ่น Pink Quencher ขนาด 40 ออนซ์ สี Cosmic Pink และ Target Red รุ่น Limited Edition ที่พึ่งจะวางจำหน่าย โดยแก้วดังกล่าวเป็นความร่วมมือทางการตลาดระหว่างบริษัท Stanley ผู้ผลิตแก้ว กับบริษัท Starbucks และห้าง Target และได้ทำสถิติเกิดปรากฎการณ์ชาวอเมริกันได้ไปยืนรอเข้าแถวเพื่อจะซื้อแก้วดังกล่าวในวันเปิดจำหน่ายวันแรกที่ห้าง Target ในหลายสาขาทั่วสหรัฐฯ ซึ่งมักจะไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก จนทำให้แก้วดังกล่าวขายหมดไปในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีทั้งในร้านค้าและในร้านค้าออนไลน์ ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายนะครับที่ห้าง Target และ Starbucks ได้ประกาศว่า จะไม่มีการวางจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับกระแสความต้องการดังกล่าว

 

โดยแก้ว Stanley รุ่น Limited Edition ดังกล่าว (รุ่น Pink Quencher H2.0 Flowstate) ผลิตด้วยโลหะ สแตนเลสที่แข็งแรงทนทาน มีฉนวนสูญญากาศกั้นระหว่างผนัง 2 ชั้น สามารถเก็บอุณหภูมิความร้อนและความเย็นได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ชิ้นส่วนฝาปิดออกแบบพิเศษสามารถหมุนได้ 3 ตำแหน่ง และมีช่องสำหรับหลอด ด้ามจับออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ทำให้สามารถจับได้ถนัดมือ มีให้เลือก 2 สี โทนสีชมพู Cosmic Pink และโทนสีแดง (Target Red) วางจำหน่ายปลีกในราคา 45 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อต้อนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่น “Galentine’s” ซึ่งเป็นการสนับสนุนการฉลองวันวาเลนไทน์ไม่เฉพาะสำหรับคนที่มีคู่เท่านั้น

 

ทั้งนี้ บริษัท Stanley เป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสินค้าภาชนะสำหรับบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กระติกน้ำร้อน แก้วดื่มน้ำ กระบอกน้ำ และกล่องบรรจุอาหาร ดำเนินกิจการมานานกว่า 111 ปี สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Seattle รัฐวอชิงตัน

 

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า แก้วเก็บอุณหภูมิ Stanley รุ่น Quencher เป็นสายผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเริ่มวางจำหน่ายในตลาดมาแล้วตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งในช่วงแรกก็ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากนัก จนกระทั่งปี 2565 เมื่อบริษัทได้ตัดสินใจปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจและได้เพิ่มความหลากหลายด้านสีสันให้มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาด จนทำให้ยอดจำหน่ายแก้วขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยลพ 275 ในปี 2565 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นร้อยละ 751 ในปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แก้ว Stanley กลับมาได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคในตลาดก็คงจะหนีไม่พ้นกระแสในโลกสื่อสังคมออนไลน์ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมามีผู้ใช้ Tik Tok รายหนึ่งเผยแพร่ภาพเหตุการณ์รถยนต์ที่เกิดเพลิงไหม้ แต่ภายในรถยนต์ดังกล่าวกลับมีภาพของแก้ว Stanley วางอยู่ภายในรถซึ่งไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด อีกทั้ง น้ำที่บรรจุในแก้วดังกล่าวยังคงความเย็นพร้อมกับน้ำแข็งที่ยังไม่ละลายอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและประสิทธิภาพในการเก็บอุณภูมิของแก้ว จนถึงขณะนี้วีดีโอดังกล่าวมียอดผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 92 ล้านครั้ง จนทำให้แก้ว Stanley กลายเป็นกระแส และทำให้เกิดวีดีโอเหตุการณ์แย่งซื้อแก้ว Stanley ภายในห้าง Target เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งวิดีโอดังกล่วก็มียอดเข้าชมกว่า 20 ล้านครั้ง

 

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการใช้ Hashtag #StanleyCup ในโลกออนไลน์มาแล้วถึงกว่า 6.8 ล้านล้าน (billion) ครั้งอีกด้วย

 

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาได้อย่างดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพัฒนาสินค้าและรีแบรนด์ดิ้งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในตลาด ดังเช่นกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันซึ่งมีลักษณะนิสัยชอบทดลองของใหม่ๆ และชอบผลิตภัณฑ์ที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของตน ดังนั้น การเลือกผลิตสินค้าออกแบบเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเพิ่มตัวเลือกทั้งแบบและสีสันให้กับผู้บริโภคก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้สามารถเจาะตลาดผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวได้

 

นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการสร้างเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์ และการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตสินค้ารุ่นพิเศษแบบ Limited Edition หรือ การจำกัดจำนวนสินค้าหรือการเพิ่มขั้นตอนในการเข้าถึงสินค้าที่ได้รับความนิยมแล้วในตลาดก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการซื้อสินค้ามากขึ้นได้ ตามหลักกฎของอุปทาน (Law of Demand) ในทางเศรษฐศาสตร์

 

ทั้งนี้ จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลมากต่อกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันมีกำลังการซื้อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การเลือกใช้สื่อช่องทางออนไลน์ที่มีศักยภาพ ร่วมกับผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่เหมาะสมก็จะช่วยให้กิจการสามารถเจาะตลาดและเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นในอนาคต

 

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ทางช่องทางพอดแคส “เล่าข่าวการค้า” โดย สคต. ชิคาโก https://youtu.be/PnQL6pmbbcM?si=K3AtBXmMo_z2Rdx2

 

******************************

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

 

อ่านข่าวฉบับเต็ม : กรณีศึกษาแก้ว Stanley ฟีเวอร์ในสหรัฐฯ

Login