หน้าแรกTrade insight > เพชร Lab – Grown มาแรงในสหรัฐฯ

เพชร Lab – Grown มาแรงในสหรัฐฯ

“เล่าข่าวการค้า” โดย สคต. ชิคาโก EP9 เรื่อง เพชร Lab – Grown มาแรงในสหรัฐฯ

 

 

ภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทั่วโลกและชาวอเมริกันในหลายๆ ด้าน รวมถึงการออกเดทและการตัดสินใจแต่งงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายแหวนหมั้นเพชรในตลาดทำให้มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าปัจจัยด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดที่คลี่คลายลงไปมากผู้คนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ จะทำให้ชาวอเมริกันตัดสินใจแต่งงานในปีนี้มากขึ้น และส่งผลทำให้ตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรในสหรัฐฯ ขยายตัวในปีนี้

 

โดยบริษัท Signet Jewelers จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดของโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Akron รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของผู้ค้าปลีกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับชื่อดังในสหรัฐฯ หลายแบรนด์ เช่น “Jared” “Blue Nile” “Diamond Direct” “Kay Jewelers” และ “Zales” เป็นต้น ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจัยด้านไลฟ์ไตล์ของชาวอเมริกันที่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้ตามปกติ จะทำให้อัตราการขอหมั้นในกลุ่มชาวอเมริกันขยายตัวเพิ่มขึ้นจากประมาณ 2.1 – 2.2 ล้านคู่ในปีที่ผ่านมาเป็นราว 2.5 ล้านคู่ในปีนี้ โดยแนวโน้มดังกล่าวน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ยอดจำหน่ายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย  โดยเฉพาะในกลุ่มแหวนหมั้นเพชรและแหวนแต่งงานที่มีสัดส่วนตลาดเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมดของสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องเผชิญกับภาวะความผันผวนหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวสูง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในตลาด จะส่งผลทำให้ชาวอเมริกันยังคงมีพฤติกรรมระมัดระวังในการใช้จ่ายและเลือกซื้อสินค้าอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ประกอบกับวิวัฒนาการด้านการผลิตเพชรแท้จากห้องปฏิบัติการ หรือ Lab – Grown Diamond ที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้เพชร Lab – Grown ในตลาดมีราคาถูกกว่าเพชรจากธรรมชาติสูงถึงร้อยละ 80 – 90

 

จากข้อมูลสถิติราคาเพชรในตลาดเดือนธันวาคม 2566 พบว่า เพชรจากแหล่งธรรมชาติขนาด 1 กะรัตมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 2,110 – 6,076 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เพชร Lab – Grown ที่มีขนาดเท่ากันมีราคาจำหน่ายประมาณเพียง 441 – 1,018 ดอลลาร์สหรัฐ ถูกกว่าเพชรจากแหล่งธรรมชาติถึงร้อยละ 83

 

 

นอกจากนี้ คุณลักษณะทางกายภาพและคุณสมบัติทางเคมีของเพชร Lab – Grown ยังแทบจะไม่มีข้อแตกต่างจากเพชรธรรมชาติ อีกทั้ง การผลิตเพชร Lab – Grown ยังสามารถผลิตเพชรที่มีความใส (Clarity) ได้มากกว่าเพชรตามธรรมชาติที่มักจะมีสิ่งสกปรกเจือปน และยังสนับสนุนแนวโน้มความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในตลาดปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอย่างโปร่งใสเป็นธรรม ปราศจากการใช้แรงงานเด็ก แรงงานทาส และแรงงานบังคับ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการดำเนินอุตสาหกรรมเหมืองเพชรในหลายประเทศทั่วโลกด้วย

 

“บริษัท Lightbox ผู้จำหน่ายเพชร Lab – Grown ในเครือบริษัท De Beers” 

 

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มประชากรรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในวัยสร้างครอบครัวหันไปสนใจเลือกซื้อเพชร Lab – Grown มากขึ้น จนทำให้ตลาดเพชร Lab – Grown ในสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูง ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ในตลาด เช่น ห้าง JC Penny และ ห้าง Walmart จึงหันมาทำตลาดจำหน่ายสินค้าเพชร Lab – Grown มากขึ้น แม้กระทั่ง บริษัท De Beers ผู้ประกอบการทำเหมืองและผู้ค้าเพชรรายใหญ่ของโลกยังเริ่มปรับตัวหันไปลงทุนในกิจการผลิตเพชร Lab – Grown ภายใต้ชื่อ “Light Box” เพื่อรองรับกับแนวโน้มการขยายตัวของตลาดเช่นเดียวกัน

 

โดยรวมคาดว่า ตลาดเพชร Lab Grown ทั่วโลกจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 55,600 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2574 หรือ คิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.8 ต่อปี (CAGR)

 

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

เพชรเป็นเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่าที่หลายคนต่างไฝ่ฝันและต้องการที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมามีการทำอุตสหกรรมเหมืองเพชรอย่างจริงจังเพื่อแสวงหาเพชรมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปริมาณเพชรธรรมชาติในตลาดส่วนใหญ่มักจะอยู่ในมือของผู้ประกอบการค้าเพชรรายใหญ่เพียงไม่กี่รายในโลก ทำให้มีอำนาจในการกำหนดราคาในตลาด ทำให้มีราคาอยู่ในระดับสูง

 

เมื่อกระแสผู้บริโภคในตลาดหันไปเลือกซื้อเพชร Lab – Grown มากขึ้น ก็ย่อมส่งผลทำให้ความต้องการซื้อเพชรธรรมชาติลดลงและทำให้ราคาเพชรธรรมชาติในตลาดปรับตัวลดลงตามไปด้วย จึงน่าจะส่งผลทำให้อัญมณีและเครื่องประดับเพชรธรรมชาติสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในอนาคต

 

ในส่วนของผู้ประกอบการไทยนั้น แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีเหมืองเพชรในประเทศแต่ก็มีมูลค่าการส่งออกเพชรไปยังตลาดสหรัฐฯ อยู่บ้าง โดยมากจะเป็นจากการนำเข้าเพชรเพื่อขึ้นตัวเรือนเป็นเครื่องประดับเพื่อส่งออก ซึ่งคุณภาพฝีมือของแรงงานไทยเองก็เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกระดับสากล ดังนั้น หากไทยสามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหันไปผลิตเพชร Lab-Grown เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ก็น่าจะช่วยเสริมการสร้างเสถียรภาพด้านวัตถุดิบการผลิตในอุตสาหกรรมของไทยได้ในอนาคต

 

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ทางช่องทางพอดแคส “เล่าข่าวการค้า” โดย สคต. ชิคาโก https://www.youtube.com/watch?v=XQJ09CZ4IOU

 

******************************

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

อ่านข่าวฉบับเต็ม : เพชร Lab – Grown มาแรงในสหรัฐฯ

Login