สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนพฤษภาคม 2564
ภาพรวม
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2564 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ในอัตราที่ชะลอตัว เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาพลังงานและอาหารสดบางชนิด โดยมีมาตรการลดค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของภาครัฐเป็นปัจจัยทอนที่ชะลอมิให้เงินเฟ้อขยายตัวสูงเกินไป สำหรับสินค้าและบริการอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพฤษภาคม 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 2.44 (YoY) ชะลอตัวลงจากร้อยละ 3.41 ในเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยสำคัญยังคงเป็นการสูงขึ้นของราคาพลังงาน ที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 24.79 ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด อาทิ เนื้อสุกร สัตว์น้ำ (อาหารทะเล) และผลไม้ ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มาตรการลดค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปาของรัฐ และการลดลงของราคาอาหารสดบางชนิด อาทิ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ และผักสดเป็นปัจจัยที่ชะลอ มิให้เงินเฟ้อสูงเร็วเกินไป สำหรับสินค้าในหมวดอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ปกติ สอดคล้องกับผลผลิตและความต้องการในสถานการณ์ปัจจุบัน
เงินเฟ้อพื้นฐาน
เงินเฟ้อพื้นฐาน (เมื่อหักอาหารสด และพลังงานออกแล้ว) ขยายตัวร้อยละ 0.49 (YoY) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน ที่ขยายตัวร้อยละ 0.30 ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2564 ลดลงร้อยละ 0.93 (MoM) และเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 0.83 (AoA)
แนวโน้ม
เงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยปัจจัยสำคัญยังคงเป็นราคาพลังงานและอาหารสดบางชนิดที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ยังคงเคลื่อนไหวสอดคล้องกับกลไกตลาดในทิศทางปกติ นอกจากนั้น มาตรการของรัฐ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลดค่าครองชีพ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในแต่ละช่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นแรงกดดันและความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าเงินเฟ้อในปี 2564 จะเคลื่อนไหวระหว่างร้อยละ 0.7 – 1.7(ค่ากลางอยู่ที่ +1.2) ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง
ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการแถลงข่าวได้ที่: click
ที่มา : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)