หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > Volkswagen เดินหน้าทยอยเปิดโรงงานแบตเตอรี่รถ EV หลายแห่ง

Volkswagen เดินหน้าทยอยเปิดโรงงานแบตเตอรี่รถ EV หลายแห่ง

ในอนาคตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (EV) จะเข้ามาทดแทนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันรถ EV ยังคงมีราคาสูงอยู่ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขเรื่องนี้ในระยะยาว ก็จำเป็นที่จะต้องลดราคาของแบตเตอรี่ลง ซึ่งการจะลดแบตเตอรี่ลงได้นั้น จะต้องลดต้นทุนการผลิต ซึ่งรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่เป็นแคโทด (CAM) ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้บริษัท Volkswagen สั่งการให้ PowerCo ซึ่งบริษัทลูกที่เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ ร่วมกับ Umicore บริษัทรีไซเคิลวัตถุดิบจากเบลเยี่ยม  เข้าไปตั้งโรงงานใหม่ในเมือง Nysa ของโปแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท Ionway ซึ่งการร่วมงานในครั้งนี้เป็นแบบ Joint Venture ระหว่าง PowerCo และ Umicore ด้านนาย Thomas Jansseune ผู้บริหารของ Umicore จะเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารหลักของ Ionway ในขณะที่นาย Achim Holzer ตัวแทนจาก Volkswagen Group Technology จะเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารด้านการเงินหลักของบริษัทฯ

สำหรับเงินทุนในการสร้างโรงงานมีมูลค่าสูงถึง 1.7 พันล้านยูโร ซึ่งจะเป็นโรงงงานฯ ที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิต CAM สำหรับแบตเตอรี่ EV และคาดการณ์กันว่า จะสามารถผลิต CAM ให้แก่รถ EV ได้ถึง 2.2 ล้านคัน ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับกับความต้องการของ VW ที่จะใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ใช้งานในยุโรปต่อไป สำหรับการผลิต CAM นั้น ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดในขั้นตอนของการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 40% ของค่าการผลิตรถยนต์ EV หนึ่งคัน โดย CAM เป็นตัวการหลักในการควบคุม/กำหนดความเร็วในการชาร์ตพลังงานของเซลล์แบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง ดังนั้น การร่วมงานกับ Umicore ในครั้งนี้จะทำให้ Volkswagen มีช่องทางเข้าถึงวัตถุดิบที่เป็นกุญแจสำคัญหลักในการผลิตแบตเตอรี่ ในขณะที่ Umicore ซึ่งเป็นบริษัทรีไซเคิลยักษ์ใหญ่ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะการที่ได้ร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่าง BMW หรือ VW จะทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯ ดีขึ้น เพราะร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์

ด้านนาย Marcin Ociepa รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ (มีภูมิลำเนาจาก Opole) ชี้แจงว่า “นี่ถือเป็น Landmark สำหรับการลงทุนแห่งใหม่ใน Opole ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ให้มากขึ้น” นอกจากนี้ รัฐบาลโปแลนด์ได้ให้ความสนับสนุนโครงการนี้และมอบเงินอัดฉีดโครงการนี้ มากถึง 350 ล้านยูโร ด้านนาย Mathias Miedreich CEO ของบริษัท Umicore ได้ออกมาเปิดเผยว่า “เขาต้องขอบคุณในการสนับสนุนจากรัฐบาลโปแลนด์เป็นอย่างมาก และโรงงานแห่งใหม่นี้มีศักยภาพเป็นอย่างมาก เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงงานของ Umicore ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ใช้พลังงานที่ยั่งยืนมากกว่าการใช้น้ำมันอย่างแน่นอน” ทางด้านบริษัท Ionway ชี้แจง “สาเหตุที่เลือกเมือง Nysa นั้นเป็นเพราะว่ามีทรัพยากรทั้งแรงงานฝีมือ และการเข้าถึงแหล่งพลังงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างแท้จริง โรงงานผลิต CAM ของ Umicore ที่ตั้งอยู่ใน Radzikowice นั้นก็มีการใช้พลังงานหมุนเวียนเต็ม 100%

ทันที่ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีการสร้างโรงงานได้ บริษัทฯ ก็จะเดินหน้าสร้างโรงงานในทันที และตั้งเป้าว่าจะสามารถจ้างงานได้มากถึง 900 ตำแหน่ง โดยนาย Waldemar Buda รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของโปแลนด์ กล่าวว่า “การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าโปแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ดึงดูดการลงทุนและชาวโปแลนด์ยินดีสำหรับการลงทุนในครั้งนี้ เพราะจะมีส่วนช่วยในเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในประเทศ” โดยที่ผ่านมาโปแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปล่อยมลพิษค่อนข้างมากเพราะการผลิตไฟฟ้าของประเทศยังพึ่งพาถ่านหินมากถึง 70% ซึ่งมากที่สุดในสหภาพยุโรป (EU) ดังนั้น รัฐบาลโปแลนด์จึงต้องการผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานนิวเคลียร์ให้มากถึง 75% ภายในปี 2040 ดังนั้น นอกจากโรงงานผลิตจาก Ionway แล้ว การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน EV จึงหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในโปแลนด์มากมาย ตัวอย่างเช่น Mercedes-Benz ประกาศแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถ EV โดยใช้เงินกว่า 1 พันล้านยูโร ในขณะที่ Volvo เปิดศูนย์กลางเทคโนโลยี (Technology Hub) ในเมือง Krakow อย่างไรก็ดี รัฐบาลโปแลนด์ได้รับการวิจารณ์เป็นอย่างมากว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า จะมีการผลิตรถ EV ให้ได้ 1 ล้านคัน ในปี 2025 ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันผลิตได้เพียงประมาณ 85,000 คัน อาจเป็นเรื่องฝันเฟื่อง เพราะโครงการดังกล่าวได้คืบหน้าแค่ 6% เท่านั้น

สำหรับแผนรถ EV ของ VW นั้น จนถึงปี 2030 โรงงานผลิตแบตเตอรี่ของบริษัทฯ มีความต้องการกำลังในการผลิตแบตเตอรี่โดยรวมที่ 240 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ซึ่งในปี 2025 โรงงานแบตเตอรี่โรงงานแรกของ VW จะเริ่มผลิตแบตเตอรี่ในเมือง Salzgitter ของเยอรมนี หลังจากนั้นในปี 2026 โรงงานในเมือง Sagunt ในประเทศสเปนก็จะเริ่มผลิตแบตเตอรี่ (โรงงานแห่งนี้ฯ จะผลิตแบตเตอรี่ป้อนรถ EV รุ่น ID.2 ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป โดยราคาเริ่มต้นน่าจะอยู่ที่ 25,000€) ตามมาด้วยในปี 2027 โรงงานฯ ในเมือง St. Thomas ของแคนาดาก็จะเริ่มทำการผลิตแบตเตอรี่ นอกจากนี้ โดยนาย Oliver Blume ผู้บริหารของ VW ตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 20,000€ ออกสู่ตลาดให้ได้ในอนาคต

ที่มา :

Handelsblatt 30 ตุลาคม 2566

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login