หน้าแรกTrade insight > สถานการร์การผลิตกระแสไฟฟ้าของ ESKOM ในแอฟริกาใต้

สถานการร์การผลิตกระแสไฟฟ้าของ ESKOM ในแอฟริกาใต้

สถานการร์การผลิตกระแสไฟฟ้าของ ESKOM ในแอฟริกาใต้ เอสคอมอยู่ในภาวะวิกฤต โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงจุดจบที่กำลังจะเกิดขึ้น ฐานลูกค้ากำลังลดน้อยลง ส่งผลให้ต้องขึ้นราคาและผลักลูกค้าออกไปมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ Eskom รายงานว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนหลังคา (PV) ที่ติดตั้งบนหลังคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในแอฟริกาใต้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 983 MW ในเดือนมีนาคม 2023 เป็น 4,412 MW ในเดือนมิถุนายน 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้น 349% แม้ว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของพลังงานแสงอาทิตย์ PV จะช่วยลดภาระที่ Eskom จำเป็นต้องผลิตกระแสไฟฟ้าในระหว่างวัน แต่ก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเนื่องจากความต้องการลดลง ส่งผลให้ปัญหาทางการเงินที่มีอยู่ก่อนหน้าของ Eskom รุนแรงขึ้น

ในความพยายามที่จะบรรเทาภาระทางการเงินบางส่วนของ Eskom กระทรวงการคลังแห่งชาติจึงรับภาระหนี้จำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 254 พันล้านแรนด์แอฟริกาใต้ จากหนี้ 423 พันล้านแรนด์ อย่างไรก็ตาม Eskom ยังคงต้องการสร้างรายได้ที่เพียงพอเพื่อครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงานที่สูงเกินจริง ความท้าทายที่สำคัญที่สุดอยู่ที่การขายไฟฟ้าน้อยลง โดยสาเหตุหลักมาจากการลดภาระและการอพยพของครัวเรือนและธุรกิจในแอฟริกาใต้ไปสู่ทางเลือกอื่นที่น่าเชื่อถือและคุ้มต้นทุนมากขึ้น

ยอดขายไฟฟ้าของ Eskom ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยการลดลงนี้ Eskom จึงขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว ซึ่งแซงหน้าอัตราเงินเฟ้อของแอฟริกาใต้ไปมาก การเพิ่มภาษี 18.65% ทำให้ Eskom สามารถเพิ่มรายได้รายไตรมาสเป็น 70.9 พันล้านแรนด์ เพิ่มขึ้นจาก 66.3 พันล้านแรนด์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างผลกำไร ส่งผลให้ขาดทุนก่อนหักภาษี 5 พันล้านแรนด์ในไตรมาสแรกของปี ขณะนี้ Eskom ตกอยู่ในภาวะขาลง ทำให้จำเป็นต้องขึ้นราคาเนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ส่งผลให้ลูกค้าที่ชำระเงินต้องชำระเงินอีกต่อไป

ตามที่นักวิเคราะห์พลังงาน Tshepo Kgadima ระบุว่า ครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ หันมาแก้ปัยหาโดยหันไปใช้พลังงานจากวิธีอื่น เนื่องจากต้องสูญเสียภาระและมีค่าใช้จ่ายสูงจากการบริหารของ Eskom  ซึ่งKgadima ชี้ให้เห็นว่าการไม่ซื้อพลังงานจาก Eskom กำลังเร่งตัวขึ้น สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายของ Eskom เขาคาดการณ์ว่าการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นประมาณ 12,000 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี2024

นักวิเคราะห์ย้ำว่าเอสคอมไม่มีฐานะทางการเงินอีกต่อไป และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนอีกต่อไป ผู้ใช้ที่ใช้พลังงานจำนวนมากกำลังปรับขนาดการดำเนินการเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น โดยระบุว่าแผนกการผลิตและการจัดจำหน่ายของ Eskom ค่อยๆ เสื่อมถอยลง เขาคาดการณ์ว่ามีเพียงส่วนส่งสัญญาณของ Eskom เท่านั้นที่จะอยู่รอดในขณะที่ส่วนที่เหลือค่อยๆ หายไป และนักวิเคราะห์เชื่อว่า Eskom ล้มละลายทางการเงินและได้รับการจัดการที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงทั้งในด้านการดำเนินงานและทางการเงิน

Eskom ติดอยู่ในภาวะขาลง โดยขาดทรัพยากรทางการเงินและทุนสำรองการผลิตที่จำเป็นสำหรับการบำรุงรักษาที่เหมาะสม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ประสิทธิภาพที่ลดลงส่งผลให้ภาระงานลดลง ส่งผลให้ลูกค้าที่จ่ายเงินต้องหาแหล่งพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ PV และแบตเตอรี่สำรอง

สรุปว่า Eskom กำลังเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ โดยภาคเอกชนเข้ามาควบคุมการผลิตไฟฟ้า มุมมองนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลจาก RMB Morgan Stanley ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคเอกชนจะแซงหน้า Eskom ในด้านการผลิตไฟฟ้าผ่านพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2568 RMB ประมาณการว่า Eskom จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 25,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 47% ของกระแสไฟฟ้าทั้งหมด ในขณะที่แหล่งพลังงานทดแทนคาดว่าจะผลิตได้ 26,600 เมกะวัตต์ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 13,300 เมกะวัตต์ ณ เดือนมีนาคม 2566

   ความคิดเห็นของ สคต. เหตการณ์ดังกล่าว ทำให้ธุรกิจในแอฟริกาใต้มีการปรับตัวการบริหารธุรกิจให้อยู่รอด เนื่องจากต้นทุนด้านการพลังงานที่สูงขึ้น จึงหันมาใช้พลังงานทดแทนจาก พลังงานแสงอาทิตย์ จะทำให้ต้นทุนลดลงและมีพลังงานใช้ในการบริหารบริษัทเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของแอฟริกาใต้ต่อไป

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login